"อนุทิน" ประชุม คกก.วัคซีนแห่งชาตินัดสุดท้าย ไฟเขียว อปท.จัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตามแผนกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น หวังเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนมากขึ้น พร้อมเคาะตั้งอนุฯ สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค สั่งเร่งซื้อวัคซีน HPV
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 ว่า วันนี้เป็นการประชุมนัดสุดท้ายในฐานะ รมว.สธ. โดยที่ประชุมมีมติดังนี้ 1. ให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค 2.เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานจัดซื้อจัดหาวัคซีนโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ตามระเบียบกรมบัญชีกลาง และมอบหมายสถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรค เป็นผู้ประสานการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดยังต้องมีการหารือต่อไป และ 3.เร่งรัดการจัดหาและฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกในนักเรียนหญิงระดับ ป.5 ซึ่งก่อนหน้านี้มีการขาดแคลนชั่วคราว ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็ได้เร่งจัดหา
ถามว่าหาก อปท.ไหนมีศักยภาพเพียงพอสำหรับดูแลประชาชนจะให้โควตาจัดซื้อวัคซีนทั้ง 100% เลยหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้เป็นเรื่องของการกระจายเข้าลักษณะนโยบายกระจายอำนาจด้วย มีการโอนถ่ายการบริการไปยังท้องถิ่น สถาบันวัคซีนฯ ก็ดำเนินการตามนโยบาย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในส่วนของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น ปกติภาครัฐมีการจัดหามาฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงเป็นประจำทุกปี โดยของ สปสช. เป็นชนิด 3 สายพันธุ์ ประมาณ 4 ล้านโดส งบประมาณ 400 ล้านบาท และของกรมควบคุมโรคเป็นชนิด 4 สายพันธุ์ ประมาณ 6 แสนโดส งบประมาณ 10 ล้านบาท แต่จำนวนที่จัดหานี้ถือว่ายังไม่เพียงพอกับกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ที่ควรได้รับวัคซีน ทั้งผู้สูงอายุที่มีประมาณ 12 ล้านคน เด็กอายุ 6 เดือน – 3 ขวบ และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ ดังนั้น วัคซีนที่มีจึงถือว่ายังไม่ครอบคลุม ดังนั้น หากมี อปท.เข้ามาช่วยดำเนินการตรงนี้ก็จะช่วยให้มีวัคซีนที่ครอบคลุมประชาชนกลุ่มต่างๆ มากขึ้น เพราะบางพื้นที่อาจจะมีกลุ่มเสี่ยงที่นอกเหนือจากกลุ่มเสี่ยงที่ตั้งไว้ เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ เป็นต้น ส่วนข้อกังวลเรื่องศักยภาพของ อปท.บางพื้นที่ไม่เท่ากันนั้น ก็อาจจะมีวิธีบริหารจัดการต่อไป แต่เบื้องต้นเราก็มีวัคซีนพื้นฐานให้กับกลุ่มเสี่ยงอยู่ ทั้งนี้ การให้ อปท.จัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้นั้น จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 นำร่องในจังหวัดใกล้ๆ กทม.ก่อน