ปลัด สธ.เผยเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ลานสินค้าอันตราย ท่าเรือแหลมฉบัง บรรจุสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ มีฤทธิ์กัดกร่อน อพยพคนงาน 183 ราย พบมีอาการทางเดินหายใจ 6 ราย ปฐมพยาบาลพร้อมส่งต่อ รพ.เอกชนแล้ว คัดกรองพนักงานจุดอื่นและชุมชนในรัศมี 5 กม. ยังไม่พบผู้ได้รับผลกระทบ แจ้งเตือนประชาชนสวมหน้ากากอนามัย สังเกตอาการตนเอง หากผิดปกติให้รีบพบแพทย์ พร้อมแนะวิธีจัดเก็บสารเคมีให้ปลอดภัย
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ภายในคลังสินค้า ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่า ได้รับรายงานจากผู้ตรวจราชการ สธ. เขตสุขภาพที่ 6 ว่า ช่วงเวลา 10.00 น.ของวันนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 9 ตัน บริเวณลานสินค้าอันตราย JWD ภายในท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งบรรจุสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารกัดกร่อน อยู่ในกล่องกระดาษ 378 กล่อง กล่องละ 18 กิโลกรัม ทำให้บริเวณโดยรอบมีกลิ่นฉุนรุนแรง ทีมดับเพลิงได้ฉีดน้ำเพื่อควบคุมไอระเหยไม่ให้กระทบไปยังพื้นที่บริเวณกว้างและสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว
เบื้องต้น บริษัทได้อพยพพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ 183 ราย พบมีอาการระบบทางเดินหายใจ 6 ราย ทีมแพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ และส่งต่อไปยัง รพ.เอกชนใกล้เคียงแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้คัดกรองพนักงานที่ได้รับผลกระทบบริเวณหอสังเกตการณ์ 54 ราย บริเวณลานจอดรถโตโยต้า 23 ราย ไม่พบผู้มีอาการผิดปกติ ส่วนการคัดกรองบริเวณชุมชนโดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตร ยังไม่พบผู้ได้รับผลกระทบเช่นกัน เจ้าหน้าที่ได้แจกหน้ากาก N95 ให้กับผู้ปฏิบัติงาน 100 ชิ้น และประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุประจำชุมชนให้ประชาชนในละแวกใกล้เคียงสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและสังเกตตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้แจ้งผู้นำชุมชนหรือ อสม. เพื่อส่งต่อเข้าพบแพทย์ รพ.แหลมฉบังทันที เนื่องจากสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติกัดกร่อน หากสัมผัสต้องรีบล้างด้วยน้ำและสบู่ ถ้าเข้าตาต้องล้างด้วยน้ำปริมาณมากๆ ทันที กรณีเผลอรับประทานเข้าไป ควรดื่มนมหรือน้ำแล้วรีบไปพบแพทย์ หรือหากหายใจเอาฝุ่นหรือละอองเข้าไปต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
สำหรับคำแนะนำในการจัดเก็บสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะการเก็บในปริมาณมากๆ ต้องเก็บในอาคารที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ สร้างด้วยวัสดุไม่ติดไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นชนิดป้องกันการระเบิด, แยกเป็นเอกเทศห่างจากแหล่งที่อยู่อาศัย, มีการตรวจสอบระบบควบคุมการทำงานของเครื่องทำความเย็นห้องเก็บและระบบสัญญาณเตือนภัยต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพใช้งานได้เสมอ และพนักงานควรมีการฝึกอบรมให้สามารถแก้ไขได้ทันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน