ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ชี้ปลดล็อกห้าม "บุหรี่ไฟฟ้า" ทำเด็กเยาวชนเข้าถึงมากขึ้น เห็นชัดจากบทเรียนนิวซีแลนด์ ห่วงไทยยังไม่เข้มบังคับใช้กฎหมาย ทำบุหรี่ไฟฟ้าขายเกลื่อนออนไลน์ พบ 480 บัญชี กระจาย 27 จังหวัด ผ่าน IG มากสุด 27% ประกาศ 4 ข้อแสดงจุดยืนต่อ รบ.ใหม่ให้คงห้ามนำเข้า-ขาย
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการยกเลิกห้ามบุหรี่ไฟฟ้าว่า มีประสบการณ์จากประเทศนิวซีแลนด์ที่เดิมสามารถควบคุมการสูบบุหรี่ทุกประเภทได้ดี จนเมื่อปี 2561 ได้ยกเลิกการห้ามบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำทุกวันเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า จากร้อยละ 1.8 เป็นร้อยละ 9.6 ในปี 2564 ดังนั้น ไทยควรคงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เน้นบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยน่าเป็นห่วง มีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าบนสื่อออนไลน์จำนวนมาก จากรายงานการเฝ้าระวังตลาดบุหรี่ไฟฟ้าบนอินเทอร์เน็ต ปี 2566 พบมีผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และเว็บอีคอมเมิร์ซ 480 บัญชี กระจายอยู่ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ โพสต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าบนอินสตาแกรมมากที่สุด ร้อยละ 27 รองมาคือ เฟซบุ๊ก ร้อยละ 26 ทวิตเตอร์ ร้อยละ 20 เว็บไซต์ ร้อยละ 14 ไลน์ ร้อยละ 7 และช้อปปี้ ร้อยละ 6
"การบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้ายังหย่อนยานอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวและว่า ล่าสุดราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) ได้ประกาศแถลงจุดยืน เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ดังนี้ 1. ขอให้คงกฎหมาย ห้ามนำเข้า ห้ามลักลอบซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า 2. เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายทุกระดับ ตั้งแต่การเฝ้าระวัง สำรวจ จับการขายในทุกรูปแบบรวมทั้งการขายออนไลน์ และระงับการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
3. เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็กและเยาวชนโดยเร็วที่สุด และส่งเสริมกระจายความรู้ในวงกว้าง 4. ผู้ปกครองและครูอาจารย์ ควรหมั่นสอดส่องดูแลบุตรหลาน นักเรียน และนิสิตนักศึกษา เพื่อตักเตือนถึงโทษภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีโดยการไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า 5. เข้มงวดกับมาตรการให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เฝ้าระวังการเข้าถึง และการใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน
ด้าน ผศ.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ขอบคุณสมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับสุขภาพเด็กและเยาวชน ที่ส่งสารต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ตระหนักและเร่งแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทย ซึ่งต้องคงไว้ซึ่งกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ขณะเดียวกันต้องเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน อย่างเข้มงวดและจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนไทย