แพทย์เตือน "ผู้ป่วยโรคหัวใจ" ระวังปัญหาสุขภาพช่องปาก พบปัญหาช่องปากทั้งโรคเหงือก ฟันผุทะลุโพรงประสาท รากฟันอักเสบเป็นหนอง อาจเกิดพยาธิสภาพที่หัวใจได้ แนะเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงปัญหาช่องปาก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าทำฟันได้หรือไม่ และแจ้งทันตแพทย์ถึงภาวะโรคหัวใจที่เป็น
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สุขภาพช่องปาก เป็นเรื่องที่ควรให้ความใส่ใจดูแลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจ เนื่องจากปัญหาโรคเหงือกและฟันมีความเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ หากพบว่าในช่องปากมีโรคเหงือก ฟันผุ หรือหนองจากฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน จะทำให้เกิดอาการปวดฟัน รากฟันอักเสบเป็นหนอง และอาจเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดไปตามอวัยวะต่างๆ รวมถึงหัวใจ ทำให้เกิดพยาธิสภาพที่หัวใจได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบการกลืนอาหาร การหายใจ หรือการมองเห็น ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากจึงมีความสำคัญ ไม่เพียงเพื่อป้องกันการเกิดโรคในช่องปาก แต่รวมถึงโรคต่างๆที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากปัญหาสุขภาพช่องปาก
ด้าน นพ.เอนก กนกศิลป์ ผอ.สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากต่างๆ มักเกิดจากพฤติกรรมของผู้ป่วย เช่น สูบบุหรี่ ทำให้เกิดปัญหากลิ่นปาก และโรคปริทันต์อักเสบ , การกินของหวานของว่างระหว่างมื้อบ่อยๆ อาจทำให้เกิดฟันผุ ฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน , การเคี้ยวของแข็ง ส่งผลทำให้ฟันบิ่นหรือฟันแตก , การกินยาหลายชนิด อาจทำให้เกิดภาวะปากแห้ง , การแปรงฟันแรงหรือไม่ถูกวิธี อาจทำให้ฟันสึก ฟันผุ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพช่องปากในอนาคต
สำหรับข้อควรระวังและการเตรียมตัวในการทำฟันของผู้ป่วยโรคหัวใจ คือ 1.ปรึกษาแพทย์ประจำตัว ขอใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าสามารถทำฟันได้หรือไม่ รวมถึงข้อควรระวัง ชนิดของโรคหัวใจที่เป็น และยาที่รับประทานอยู่ 2.แจ้งทันตแพทย์ทุกครั้งเกี่ยวกับชนิดของโรคหัวใจ ยาที่รับประทาน รวมถึงปัญหาที่ผู้ป่วยเคยมีในการทำฟัน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำ 3. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ประจำตัวและทันตแพทย์อย่างเคร่งครัดในการปรับ หรืองดยาละลายลิ่มเลือด การเจาะเลือดก่อนการทำฟัน การรับประทานยาปฏิชีวนะก่อนทำฟัน และการปฏิบัติตนภายหลังการทำฟัน และ 4. ผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาใดๆ เอง หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือทันตแพทย์ ส่วนวิธีการดูแลป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากเริ่มจาก แปรงฟันอย่างถูกวิธีด้วยแปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน , ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันเพื่อทำความสะอาดบริเวณด้านประชิดของฟัน , ควรพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นประจำทุก 6 เดือน หากปรับพฤติกรรมที่ไม่ดีร่วมกับการดูแลฟันอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยลดปัญหาสุขภาพช่องปากระยะยาวได้