xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด สปสช.เห็นชอบ 5 แนวทางลดภาระงานบุคลากรแพทย์ในระบบบัตรทอง จ่อหารือ สธ.เชื่อม API ยกเลิกคีย์ข้อมูล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บอร์ด สปสช.เห็นชอบ 5 มาตรการช่วยลดภาระบุคลากรแพทย์ในระบบบัตรทอง ทั้งพัฒนาชุดข้อมูลมาตรฐานเบิกจ่าย เชื่อมโยง API กับ รพ.โดยตรง ยกเลิกบันทึกข้อมูล เตรียมหารือ สธ.พิจารณา ลดขัดกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันที่มีปัญหาภาระงานของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น แม้ สปสช. ไม่ได้มีหน้าที่จัดบริการโดยตรง แต่สิ่งที่เป็นข้อกำหนดจาก สปสช. อาจสร้างภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้น สปสช. จึงได้จัดทำแนวทางการลดภาระงาน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้รับทราบมาตรการลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เบื้องต้นมี 5 มาตรการ คือ 1.พัฒนาชุดข้อมูลมาตรฐานสำหรับการเบิกจ่าย ภายใต้มาตรฐานชุดข้อมูลใหม่จะสามารถส่งข้อมูลครั้งเดียวด้วยโปรแกรมเดียว หน่วยบริการสามารถนำข้อมูลในระบบ HIS มาส่งเพื่อเบิกจ่ายได้โดยไม่ต้องบันทึกข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ลดภาระงานในการบันทึกและส่งข้อมูลลงได้ 7 เท่า เบื้องต้นการใช้มาตรฐานชุดข้อมูลใหม่นี้จะขึ้นอยู่กับความสมัครใจของ รพ. หากหน่วยบริการไหนยังไม่พร้อมก็สามารถส่งข้อมูลในระบบเดิมได้

2.เชื่อมโยง API (Application Programming Interface) ยกเลิกการบันทึกข้อมูล จะเป็นการเชื่อมโยง HIS ระหว่าง รพ.กับ สปสช. โดยตรงผ่าน API โดยจะนำร่องใน รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป ส่วน รพ.อื่นที่มีความพร้อมก็สามารถเชื่อมต่อระบบกับ สปสช.ได้ทันที 3.ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพด้วยตนเอง จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สปสช. สธ. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ทั้งในรูปแบบการดูแลโดยชุมชน (community care) การดูแลตนเอง (Self-Care & Self-Test) และการมีนวัตกรรมนอกหน่วยบริการ เพื่อลดการไปหน่วยบริการโดยไม่จำเป็น

4.จัดให้มีกลไกหารือร่วมกับเครือข่ายผู้ให้บริการ ก่อนขยายสิทธิประโยชน์ จะมีหลักการคือกรณี สปสช.ได้รับข้อเสนอการเพิ่มสิทธิประโยชน์จากเครือข่ายต่างๆ หรือก่อนออกประกาศปรับปรุงขยายประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพฯ จะมีการหารือร่วมกับ สธ. ชมรมแพทย์และสาธารณสุข เครือข่ายผู้ให้บริการ และผู้เกี่ยวข้องก่อน เพื่อเห็นชอบร่วมกัน หรือวางแผนการจัดการภาระงาน ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพบริการและขวัญกําลังใจของผู้ให้บริการ และ 5. ขยายบทบาทของ Contact center 1330 ในการประสานหาเตียงและส่งต่อผู้ป่วย เพราะบางครั้ง รพ.มีปัญหาเตียงไม่พอและมีภาระต้องหาเตียงให้คนไข้ สปสช. จึงให้สายด่วน 1330 ทำหน้าที่ประสานส่งต่อผู้ป่วย พร้อมทั้งมีการทำสัญญากับโรงพยาบาลเอกชนอีก 17 แห่ง เพื่อร่วมเป็นหน่วยบริการตามมาตรา 7 โดยมีเตียงสำรองไว้ 582 เตียง

"การนำเสนอนี้ได้มีความเห็นจากกรรมการในที่ประชุม ในส่วนของการเชื่อมโยง API โดยตรงระหว่าง รพ.และ สปสช. อาจมีประเด็นในทางกฎหมาย เพราะสถานะนิติบุคคลอยู่ที่สำนักงานปลัด สธ. ดังนั้น จึงต้องมีการหารือร่วมกันระหว่าง สปสช.และ สธ.เพื่อพิจารณาในรายละเอียดอย่างรอบคอบไม่ให้เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล โดย สปสช. จะนำเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับ สธ.ต่อไป และอาจส่งผลที่ดีโดย สปสช. ไม่ต้องไปเชื่อมต่อระบบทีละ รพ. แต่เชื่อมต่อระบบกับ สธ.ทีเดียว" ทพ.อรรถพรกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น