ปลัด สธ.ตอบกรณีข่าว รพ.บางแห่งประกาศขาดแคลนแพทย์ เผยมาจากหลายปัจจัย เดินหน้าแก้ปัญหาทั้งผลิตบุคลากร ปรับเพิ่มค่าตอบแทน ความก้าวหน้า และสวัสดิการ หวังให้อยู่ในระบบมากขึ้น
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวรพ.ในสังกัด สธ.บางแห่งออกมาประกาศขาดแคลนแพทย์ ว่า การขาดแคนแพทย์มีอยู่ 2-3 ประเด็น หลักๆคือความต้องการในการดูแลประชาชนมีสูงขึ้น อย่างการคัดกรองโรคติดต่อสำคัญๆ ก็ทำให้บุคลากรมีภาระงานมากขึ้น แต่เป็นเรื่องที่ดีซึ่งต้องดำเนินการ สิ่งที่ตามมาคือ ต้องหาบุคลากรให้สอดคล้องภาระงานมากขึ้น ทั้งแพทย์ พยาบาลและวิชาชีพต่างๆ ซึ่งมีทั้ง 1.ผลิตบุคลากรเพิ่มขึ้น โดยร่วมมือกับสถาบันต่างๆ อย่างสธ.มีสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) ดูแลผลิตบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของ สธ. 2. ทำอย่างไรให้บุคลากรอยู่ในระบบมากขึ้นโดยไม่ต้องลาออก ทั้งดูแลเรื่องค่าตอบแทน ความก้าวหน้า ซึ่งต้องยอมรับว่าภาคเอกชนดึงดูดให้บุคลากรไปอยู่เอกชนมากขึ้น
"จริงๆไม่ได้กังวลเรื่องภาคเอกชน เพราะสุดท้ายเขาก็ดูแลประชาชนเหมือนกัน ดังนั้น เราต้องจัดการบริการให้สมดุลกัน เพราะการที่ภาครัฐจะไปตั้งค่าตอบแทนให้เท่าเอกชนคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากรัฐมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่เราพยายามดูแลให้ค่าตอบแทนไม่ให้ห่างจากภาคเอกชนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มค่าตอบแทนเพิ่มในเรื่องของวิชาชีพเฉพาะ ค่าอยู่เวร เป็นต้น ที่ผ่านมาบุคลากรในหลากหลายวิชาชีพก็ค่อนข้างพอใจ" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า เรื่องสวัสดิการยังบุคลากรไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็จะมีสวัสดิการเรื่องบ้านพัก ซึ่งปีนี้มีบ้านพักให้กับบุคลากรเบื้องต้นตั้งเป้าไว้ 10,000 ยูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยลงนามก่อสร้าง ส่วนความก้าวหน้าที่มีปัญหามากที่สุดคือ พยาบาล เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นก็จะถูกจำกัดด้วยกรอบทางการเงินและกรอบตำแหน่งของบุคลากร ขณะนี้ได้ความกรุณาจากสำนักงาน ก.พ.และ ครม.เห็นชอบการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นชำนาญการพิเศษ หรือซี 8 ราว 1 หมื่นอัตรา นี่จะเป็นขวัญกำลังใจอย่างดีทำให้บุคลากรของเราอยู่ในระบบมากขึ้น รวมถึงตำแหน่งว่างต่างๆ ก็พยายามจัดสรรไปยังหน่วยบริการที่ขาดแคลน ซึ่งพยาบาลก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ช่วยเรื่องภาระงานของแพทย์ได้ เพราะถ้าไม่มีพยาบาล แพทย์ก็จะต้องมีภาระงานเพิ่มขึ้น
สุดท้าย คือ ทำอย่างไรให้ภาระงานลดลงซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมามองว่าจะทำอย่างไรให้ภาระงานสอดคล้องกับบุคลากรที่มี ส่วนเรื่องอื่นๆเป็นเหตุผลส่วนตัว ซึ่งคงห้ามไม่ได้เช่นเรื่องของครอบครัวพ่อแม่ เป็นต้น ส่วนกรณีเรื่องแยกออกจาก ก.พ. ก็เป็นอีกทางเลือกที่ต้องมีการศึกษาต่อไป เนื่องจากมีทั้งข้อดีข้อเสียจึงต้องพิจารณาภาพรวมทั้งหมด