"อนุทิน" สั่งกรมสุขภาพจิตเร่งเยียวยาฟื้นฟูจิตใจผู้รับผลกระทบโรงงานพลุระเบิด ส่วน รพ.สต.ที่เสียหายจัดสรรงบเหลือจ่ายซ่อมแซมแล้ว ให้บริการได้ตามปกติ เผย สบช.เตรียมพร้อมสถาปนาคณะแพทยศาสตร์เป็นรูปธรรม เดินหน้าเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางผลิตแพทย์ พยาบาล นักการสาธารณสุข รองรับปัญหาขาดแคลนบุคลากร
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูง สธ. ว่า ในที่ประชุมได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัด โดยเฉพาะกรมสุขภาพจิตลงไปดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งผู้ป่วยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับคนไข้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่ง สธ.ก็ต้องทำการรายงานอาการ ความเป็นไปและความคืบหน้า วิธีการรักษาโดยละเอียด รายงานให้ได้รับทราบ ตรงนี้ก็มีความสำคัญและเร่งดูแลเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจของชาวบ้าน พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ส่วนความเสียหายของหน่วยบริการที่สุไหงโก-ลก มี รพ.สต.เสียหายมากพอสมควร ปลัด สธ.ก็ได้เร่งฟื้นฟูให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานให้บริการได้ตามปกติ จัดสรรงบเหลือจ่ายลงไปซ่อมแซมแก้ไข ซึ่งดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว
นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) ได้เสนอให้ผลิตบุคลากรสาธารณสุข ทั้งพยาบาลและแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับกับนโยบายสามหมอ เราต้องการให้ประชาชนรับความสะดวกสบาย มีหมอไปตรวจไม่ต้องมารอกันหนาแน่นที่ รพ. ผู้สูงอายุได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด นโยบายที่ให้ อสม.เข้ารับการศึกษาหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล 1 ตำบล 1 ผู้ช่วยพยาบาล ก็รายงานว่าเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทุกอย่างเข้าเป้าขึ้น ส่วนการเตรียมความพร้อมสถาปนาคณะแพทยศาสตร์ของ สบช. ก็เป็นรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้มีนักศึกษาเข้ามารับการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องทำให้เป็นคณะแพทยศาสตร์อีกหนึ่งคณะเพื่อมารองรับปัญหาการขาดแคลนแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข
"จากนี้ไป สบช.ก็จะเป็นเสมือนมหาวิทยาลัยผลิตแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล นักการสาธารณสุขออกมา เหมือนเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางที่ดูแลทางด้านระบบสาธารณสุขให้มีความเข้มแข็ง เราก็ขับเคลื่อนด้วยกัน สธ.มี รพ.ต่างๆ มากมายทั่วประเทศ เรื่องโรงเรียนแพทย์ ส่งไปแพทย์ฝึก ส่งพยาบาลไปทำงานทั้งปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ ก็จะกระจายไปทั่วประเทศได้ในระบบเครือข่ายของเรา ก็ไปหล่อเลี้ยงระบบสาธารณสุขทั้งประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชนก็จะได้คลี่คลายปัญหาการขาดแคลนบุคลากร" นายอนุทินกล่าว