พระสงฆ์เป็น "โรคอ้วน" 48% สามเณร 22% เสี่ยงอาพาธโรค NCDs สูง เหตุอาหารใส่บาตรมีโปรตีนต่ำ ผักน้อย มีแต่ของทอดไขมันสูง รับน้ำตาลจากน้ำปานะสูง 20ช้อนชาต่อวัน สสส.ร่วม ม.บูรพา เพดินหน้า "สงฆ์ไทยไกลโรค" แนะอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษานี้ ถวายอาหารด้วยสูตร “4 เสริม 2 ลด” เสริมข้าวกล้อง เนื้อปลา ผัก นมพร่องบันเนย ลดหวานและเค็ม
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. นายพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในช่วงวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนมักทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์ ถือศีล ฟังธรรม แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าทางโภชนาการที่ดี การทำบุญใส่บาตรมีความสัมพันธ์โดยตรงกับสุขภาพของพระสงฆ์ สามเณร สสส. ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการริเริ่มโครงการ "สงฆ์ไทยไกลโรค" พัฒนาองค์ความรู้ทางโภชนาการ แนะนำการเลือกอาหารใส่บาตรที่ถูกสุขอนามัยและถูกต้องตามหลักโภชนาการ เพื่อป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) พร้อมพัฒนาวัดในฐานะองค์กรและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ สนับสนุนพระสงฆ์เป็นแกนนำความรู้ในการดูแลสุขภาวะตนเอง และเผยแพร่แก่ชุมชนและสังคมในวงกว้าง
ศ.ภญ.จงจิตร อังคทะวานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ ม.บูรพา กล่าวว่า จากการตรวจร่างกายกลุ่มตัวอย่างพระสงฆ์ พบว่า พระสงฆ์มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนถึง 48% สามเณร 22% เสี่ยงอาพาธด้วยโรค NCDs สูง สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากอาหารที่ถวายพระสงฆ์มีโปรตีนต่ำ ผักน้อย อีกทั้งยังเป็นของทอดที่มีไขมันสูง พระสงฆ์ได้รับน้ำตาลจากการฉันน้ำปานะสูงถึง 20 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กรมอนามัยกำหนด คือ 6 ช้อนชาต่อวัน ปัจจัยสำคัญช่วยสงฆ์ไทยห่างไกลโรคเริ่มจากโภชนาการ สูตร “4 เสริม 2 ลด” คือ 1.เสริมข้าวกล้องที่มีเส้นใยอาหารเยอะ 2.เสริมเนื้อปลา 3.เสริมผักเพิ่มใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ 4.เสริมนมพร่องมันเนย พร้อมลด คือ 1.ลดหวาน และ 2.ลดเค็ม นอกจากองค์ความรู้ด้านโภชนาการ ปรับพฤติกรรมของญาติโยมใส่ใจสุขภาพพระสงฆ์ หลีกเลี่ยงการถวายอาหารรสจัด ลดหวาน-มัน-เค็ม สิ่งสำคัญคือ กิจกรรมสำหรับพระสงฆ์ช่วยพัฒนาสุขภาวะอย่างยั่งยืน คือ การเคลื่อนไหวร่างกายให้เพียงพอ เช่น เดินบิณฑบาตให้มากขึ้น เดินจงกรม เดินรอบพระอุโบสถ กวาดลานวัด ล้วนเป็นกิริยาที่สำรวมที่พระสงฆ์ สามเณรทำได้ทั้งสิ้น