ปลัด สธ. เผย 29 จังหวัด ป่วยไข้เลือดออกสูงเกิน 20 ต่อแสนประชากร ช่วง 4 สัปดาห์ พบ 3 จังหวัด "ตราด-จันทบุรี-น่าน" สูงเกิน 100 ต่อแสนประชากร ห่วงดับแล้ว 41 รายใน 23 จังหวัด เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ปัจจัยเสี่ยงจากภาวะอ้วน โรคประจำตัว รับการรักษาช้า กินยากลุ่มเอ็นเสด สั่งทุกจังหวัดประเมินสถานการณ์ ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ว่า ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบจังหวัดที่มีอัตราป่วยโรคไข้เลือดออกสูงกว่า 20 ต่อประชากรแสนคน รวมทั้งมีค่าดัชนีลูกน้ำยุงลายในบ้าน (HI) และในชุมชน (CI) สูง จำนวน 29 จังหวัด กระจายทั่วทุกภาค จำนวนนี้มี 3 จังหวัดที่อัตราป่วยสูงเกินกว่า 100 ต่อประชากรแสนคน คือ ตราด 125.2 ต่อประชากรแสนคน , จันทบุรี 109.7 ต่อปรชากรแสนคน และน่าน 108.4 ต่อประชากรแสนคน ที่น่าเป็นห่วงคือ แนวโน้มผู้ป่วยไข้เลือดออกเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยปี 2566 พบผู้เสียชีวิตแล้ว 41 ราย ใน 23 จังหวัด เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี จำนวน 12 ราย และผู้ใหญ่อายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป 29 ราย
"ปัจจัยเสี่ยงคือ มีภาวะอ้วน, มีโรคประจำตัวเรื้อรัง, ได้รับการวินิจฉัยและรักษาช้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่ที่ช่วงแรกป่วยมักไม่ได้นึกถึงโรคไข้เลือดออก, และการได้รับยากลุ่มเอ็นเสดเพื่อลดไข้ โดยพบมากในกลุ่มเด็ก ดังนั้น ในช่วงนี้หากมีอาการไข้ อย่าซื้อยากลุ่มเอ็นเสดมารับประทานเอง เพราะจะทำให้เลือดออกง่าย จนมีความเสี่ยงเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ทุกจังหวัดติดตามประเมินสถานการณ์โรคไข้เลือดออกอย่างใกล้ชิด และพิจารณาจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยเน้นมาตรการในพื้นที่เสี่ยงที่คาดว่าจะระบาดภายใน 4 สัปดาห์ รวมทั้งขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสื่อสารถึงประชาชน อสม. ร่วมกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายทุกสัปดาห์ รวมถึงเร่งรัด 29 จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงให้ดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอำเภอที่พบการระบาดสูง
"สิ่งที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกได้ดีที่สุด คือ ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนและ อสม. ดำเนินการตามมาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค คือ เก็บบ้าน เก็บขยะ และเก็บน้ำ เพื่อไม่ให้ยุงลายมีที่วางไข่ และฉีดพ่นฆ่ายุงลายตัวเต็มวัย ร่วมกับการป้องกันไม่ให้ยุงกัด สวมเสื้อผ้าที่มิดชิด นอนในมุ้ง ใช้ยาจุดกันยุง หรือทาโลชั่นกันยุง" นพ.โอภาสกล่าว