xs
xsm
sm
md
lg

เตือน 10 นาทีแรกฝนตก เสี่ยงรถลื่นไถลเกิดอุบัติเหตุสูงสุด แนะ 7 วิธีช่วยขับขี่ปลอดภัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมควบคุมโรคเผยอุบัติเหตุทางถนนช่วงหน้าฝน 3 ปีย้อนหลัง พบมากถึง 2.3 หมื่นครั้ง เจ็บ 1 หมื่นราย ดับ 2.7 พันราย ย้ำช่วง 10 นาทีแรกของฝนตก เสี่ยงเกิดอุบัเหตุจากการลื่นไถลมากสุด แนะ 7 วิธีขับขี่ปลอดภัยช่วงฝนตกและน้ำท่วมขัง ขับไม่เกิน 50 กม./ชม. เปิดไฟต้ำหน้ารถ หากรถลื่นอย่าเพิ่งเหยียบเบรกทันที

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน เกิดอุบัติเหตุจราจรได้ง่าย เนื่องจากถนนลื่น ทัศนวิสัยทัศการขับขี่ไม่ดี ทั้งนี้ สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม (ทางหลวง ทางหลวงชนบท และทางด่วน) พบว่า ช่วงหน้าฝน พ.ค. - ต.ค. ใน 3 ปีย้อนหลัง คือ ปี 2563-2565 พบเกิดอุบัติเหตุ 23,077 ครั้ง บาดเจ็บ 10,544 ราย เสียชีวิต 2,764 ราย จึงขอให้ประชาชนที่ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนในช่วงฝนตก เพิ่มความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ ตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ให้พร้อมต่อการใช้งานในฤดูฝน เช่น ที่ปัดน้ำฝน ระบบไฟฟ้า ระบบยาง ระบบเบรก ไม่ควรขับรถเร็วขณะฝนตกหรือถนนเปียก โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรก เป็นช่วงที่รถมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดจากการลื่นไถล เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบน้ำมันและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนน ทำให้เกิดเป็นเสมือนแผ่นฟิล์มฉาบอยู่บนผิวถนน อาจส่งผลให้รถลื่นและเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้

ด้าน นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะขับขี่ควรปฏิบัติตาม 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัยช่วงฝนตกและมีน้ำท่วมขัง ดังนี้ 1. เพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ โดยลดความเร็วลงกว่าระดับปกติ เนื่องจากพื้นถนนที่เปียก รถจะใช้ระยะเบรกเพิ่มขึ้น และควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมไม่เกิน 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. เปิดไฟหน้ารถเสมอ ใช้ไฟต่ำจะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ในระยะไกล 3. เปิดใบปัดน้ำฝน ปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงของฝนที่ตกลงมา จะช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางได้ตลอดเวลา 4. เว้นระยะห่างจากท้ายรถคันหน้าให้มากกว่าปกติอย่างน้อย 10-15 เมตร เพื่อให้มีระยะเบรกที่เพียงพอและปลอดภัย

5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็นควรประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนแซง 6.กรณีที่รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ไม่ควรเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนทันที อาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรใช้เกียร์ต่ำ และค่อยๆ เบรก เพื่อลดความเร็ว แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7. เมื่อต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน นอกจากนี้ หากพบเห็นผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุทางถนน ไม่ควรเคลื่อนย้ายอาจทำให้เกิดอันตรายแทรกซ้อนหรือพิการได้ ให้โทรแจ้ง 1669


กำลังโหลดความคิดเห็น