ปัจจุบันเมืองมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสนองตอบการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้มีความต้องการใช้ที่ดินเพื่อการก่อสร้างมากขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองลดลงเนื่องจากเกิดการทรุดโทรมของต้นไม้ ดังนั้นการดำเนินการเพื่อจัดการพื้นที่สีเขียวจึงมีความสำคัญ ล่าสุด สำนักสิ่งแวดล้อม สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผนึกกำลังความร่วมมือ มูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ (Big Trees Foundation) และ ภาคเอกชน โดย บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ คณะผู้จัดงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023) ที่มีเป้าหมายดูแลสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน เล็งเห็นความสำคัญของการรักษาพื้นที่สีเขียวกลางกรุง ลงพื้นที่ร่วมกันดูการฟื้นฟูต้นจามจุรี ซึ่งเป็นต้นดั้งเดิมภายในสวน อยู่บริเวณใจกลางสวนสาธารณะใจกลางเมืองสวนเบญจกิติ จากการสำรวจโดยรุกขกรจากมูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ สมาคมรุกขกรรมไทย และกรุงเทพมหานครพบว่าต้นจามจุรีมีปัญหาเรื่องความสุขภาพ จึงจำเป็นต้องฟื้นฟูให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง
ทางด้าน คุณวรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงที่มาของการฟื้นฟูต้นจามจุรี “จุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูต้นจามจุรีในสวนเบญจกิตินี้ เริ่มจากรุกขกรได้เห็นความผิดปกติของต้นจามจุรีตอนที่มีการจัดการแข่งขันปีนต้นไม้ระดับนานาชาติเมื่อปลายปีที่แล้ว ว่าลักษณะใบสีเหลืองซีด ใบมีขนาดเล็กและร่วงหล่นจำนวนมาก ปลายกิ่งอ่อนมีกิ่งแห้งกิ่งตายเยอะ ดังนั้นเราได้ประสานกับผู้เชี่ยวชาญจากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ (กลุ่ม Big Tree) สมาคมรุกขกรรมไทย และอาสาสมัครที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางไม้ใหญ่ มาสำรวจว่าต้นไม้มีปัญหาสุขภาพอย่างไร พบว่าปัญหาหลักมาจากรากผุ มีหนอนและราขึ้น และบริเวณรากมีดินบดอัดแน่นซึ่งอาจจะมาจากการก่อสร้างสวน สันนิษฐานว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นจามจุรีทั้งโซนนี้อ่อนแอ ดังนั้นเราได้วางแนวทางการรักษา ฟื้นฟู ต้นจามจุรี บริเวณ Sky walk จำนวน 4 ต้น จากทั้งหมด 15 ต้น ที่มีอาการวิกฤตมากที่สุดก่อน โดยการปรับสภาพ ด้วยการปรับระดับความสูงของดิน กำจัดโรคและแมลง พรวนดินบริเวณโคนรอบต้น นำดินที่กดทับบริเวณเหนือคอรากออก พร้อมรดน้ำผสมฮอร์โมนเร่งราก และทำท่อระบายอากาศให้รากต้นจามจุรี และขนวัสดุปรับปรุงดินมาใส่ทดแทน รวมถึงการนำเสียมลม (Air Spade) มาใช้ในการพรวนและเปิดหน้าดิน ซึ่งเป็นวิธีพรวนดินที่ไม่ทำให้รากไม้ขาดหรือเสียหาย ลดการบดอัดของดินที่แน่นเกินไป และถมสูงเกินไป จนทำให้รากไม้ขาดอากาศ แล้วใส่กิ่งไม้สับ (Mulch) รอบ ๆ บริเวณโคนต้น เพื่อเพิ่มความร่วนซุยและชุ่มชื่นให้กับดิน พร้อมทั้งมีการตัดแต่งปลายกิ่ง ปรากฏว่าต้นไม้แตกใบใหม่ นับเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันพัฒนาพื้นที่สีเขียวดูแลต้นไม้ใหญ่ในเมือง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในเมือง”
คุณอรยา สูตะบุตร กรรมการมูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ (BIG Trees) กล่าวถึงขั้นตอนในการดำเนินการ “กลุ่ม BIG tree หรือมูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ เราทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานครมานานกว่า 10 ปี ช่วยกันในเรื่องของการดูแลต้นไม้ การสร้างบุคลากรที่มีทักษะความรู้ในการดูแลต้นไม้ใหญ่ และมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้ประชาชนตามสวนสาธารณะต่าง ๆ สำหรับการดำเนินการฟื้นฟูต้นจามจุรีที่กำลังทำอยู่คือการใช้เสียมลม ที่ทำงานด้วยการใช้แรงดันอากาศขนาดสูงจากเครื่องอัดอากาศขนาดใหญ่เพื่อใช้พรวนและขุดดิน ข้อดีคือสามารถพรวนดินได้โดยไม่ทำให้รากกิ่งของต้นไม้เสียหาย ซึ่งเมื่อเปิดหน้าดินจะทำให้โคนต้นและรากได้หายใจ ไม่ถูกปิดทับ จากนั้นนำกิ่งไม้สับมาปูบริเวณรอบโคนซึ่งต่อไปกิ่งไม้เหล่านี้จะกลายเป็นปุ๋ย เราได้ดำเนินการมาแล้ว 1 เดือน โดย 4 ต้นแรกเห็นได้ชัดเจนว่าต้นไม้มีการแตกใบเพิ่มขึ้นเยอะ จึงดำเนินการต่อเฟส 2 อีกจำนวน 4 ต้น รวมแล้วที่เราต้องดำเนินการมีอีกกว่า 10 ต้นค่ะ”
ปิดท้ายด้วย ดร.นภัส พันธ์พงษ์เจริญ ผู้จัดการงานพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้จัดการโครงการ Sustainability Expo (SX) กล่าวปิดท้าย “ไทยเบฟ ในฐานะภาคเอกชน ที่ทำงานร่วมกับคณะผู้จัดงาน Sustainable Expo 2023 (SX) เราเล็งเห็นความสำคัญของการมีพื้นที่สีเขียว ภายในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในพื้นที่สวนเบญจกิติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สีเขียวที่สำคัญมาก เป็นปอดแห่งใหม่ ใจกลางกรุงเทพมหานคร วันนี้เราได้มาร่วมกับเครือข่ายต่าง ๆ นำโดย มูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ BIG Trees สำนักสิ่งแวดล้อมของ กทม. และสมาคมรุกขกรรมไทย ในการฟื้นฟูต้นจามจุรี ซึ่งถือเป็นต้นไม้ที่สำคัญต่อระบบนิเวศ สำหรับวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและช่วยกันรักษาพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพฯ ได้มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมติดตามผลของการฟื้นฟูอนุรักษ์ต้นจามจุรีในครั้งนี้ ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของความยั่งยืนอื่นๆ ได้ทาง Facebook Page : Sustainability Expo, www.sustainabilityexpo.com และร่วมกันมาหาคำตอบพร้อมทำกิจกรรมด้านความยั่งยืนเพื่อโลกด้วยกันที่งาน Sustainability Expo 2023 ระหว่างวันที่ 29 ก.ย. ถึง 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ค่ะ”