แพทย์เผยผลสำรวจ 5 ปี เยาวชนแดนผู้ดีติดบุหรี่ไฟฟ้าหนักขึ้น สูบมากขึ้น 3 เท่า จาก 8% เป็น 24% เจอนักสูบหน้าใหม่สูงขึ้น หลังรัฐบาลสนับสนุนให้ถูกกฎหมาย แนะรัฐบาลใหม่ฟังความเห็นองค์กรสุขภาพ อย่าหลงเชื่อธุรกิจที่เอาอังกฤษมาอ้างบิดเบือนข้อมูล ภาษีทีได้ไม่คุ้มเสีย เน้นเก็บภาษีบุหรี่และยาเส้นจะดีกว่า
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ผอ.ศูนย์วิจัยติดตามและเฝ้าระวังอุตสาหกรรมยาสูบ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ผลสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบศ.) พบปัจจุบันมีเยาวชนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 9.1% โดยสูบตามเพื่อนสูงถึง 92.2% มีเยาวชนจำนวนมากเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะแบบพอดใช้แล้วทิ้ง ที่ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีนิโคตินปริมาณสูงถึงขั้นอันตราย มีการจำหน่ายแบบผิดกฎหมายในไทย โดยเฉพาะชนิดที่สูบได้ถึง 5,000 พัฟฟ์ มีนิโคตินสูงเทียบเท่าบุหรี่ธรรมดาถึง 20 ซอง หรือ 400 มวน ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น เป็นผลจากกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจยาสูบที่พุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนโดยตรง ทั้งนี้ นิโคตินเป็นสารเคมีอันตรายเพียงแค่ 1 ซีซี ก็ทำให้เด็กเล็กเสียชีวิตได้
รศ.พญ.เริงฤดี กล่าวว่า จากรายงานการสำรวจแนวโน้มการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนจากชุดข้อมูลสำรวจเพื่อประเมินผลนโยบายควบคุมยาสูบระหว่างประเทศ (ITC) โดย ม.วอร์เตอร์ลู แคนาดา สำรวจเยาวชนอายุ 16-19 ปี รวม 104,467 คน ใน 3 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2560-2565 ผลการศึกษาพบข้อมูลการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนอังกฤษพุ่งสูงขึ้นจนถึงขั้นวิกฤต ดังนี้ 1.อัตราสูบบุหรี่ธรรมดาในเยาวชนเพิ่มสูงขึ้นจาก 16% เป็น 21% 2.เยาวชนมีแนวโน้มสูบบุหรี่ธรรมดาหนักขึ้นคือ อย่างน้อย 20 วันในรอบ 1 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 4.3% เป็น 8.9% 3.อัตราสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนเพิ่มจาก 8% เป็น 24% 4.เยาวชนมีแนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้าหนักขึ้นคือ อย่างน้อย 20 วันในรอบ 1 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 1.5% เป็น 7.9% 5.เยาวชนมีแนวโน้มใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรวมทุกประเภทเพิ่มขึ้นจาก 22% เป็น 36%
6.เยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น 19% ส่วนที่สูบบุหรี่ธรรมดาอยู่แล้ว มีแนวโน้มเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ไฟฟ้าลดลง 7.บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนเสพติดนิโคตินหนักกว่าบุหรี่ธรรมดา พบสัดส่วนของเยาวชนที่ต้องสูบบุหรี่ไฟฟ้าภายใน 1 ชั่วโมงหลังตื่นนอนถึง 47% 8.เยาวชนส่วนใหญ่ 80% สูบบุหรี่ไฟฟ้ารสชาติผลไม้ 9.เยาวชนที่รู้สึกว่าตัวเองติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 31% เป็น 57% และ 10.อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบพอดใช้แล้วทิ้ง เพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 67% ทั้งนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากรัฐบาลอังกฤษมีท่าทีสนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยมักจะถูกเครือข่ายธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ายกมาเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลประเทศต่างๆ รวมถึงไทย
ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ข้อมูลจากการสำรวจยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถถูกจำกัดการใช้เฉพาะผู้ใหญ่ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ตามที่เครือข่ายธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ามักกล่าวอ้าง แต่ถือเป็นสิ่งเสพติดใหม่ที่พุ่งเป้าไปที่เยาวชนโดยตรง แม้ในอังกฤษที่ถือว่ามีมาตรการควบคุมและการบังคับใช้กฎหมายดีกว่าไทยก็ยังล้มเหลว ปัจจุบันนานาประเทศแสดงออกถึงท่าทีที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าของอังกฤษ เพราะนอกจากจะทำให้ส่งผลกระทบทำให้เยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแล้ว ยังถูกเครือข่ายล็อบบี้ยิสต์บุหรี่ไฟฟ้านำไปอ้างเพื่อแทรกแซงนโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศต่างๆ ซึ่งในไทยมีกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ามักยกอังกฤษเป็นข้ออ้างและบิดเบือนข้อมูลผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในการเข้าให้ข้อมูลแก่ฝ่ายบริหาร ผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร
"อยากฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ ให้พิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ รับคำแนะนำจากองค์กรด้านสุขภาพระดับโลกอย่างองค์การอนามัยโลก ที่สนับสนุนให้ไทยคงมาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง สกัดการเข้าถึงของเยาวชน เร่งให้ความรู้โทษพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง องค์การอนามัยโลกเพิ่งรายงานว่าปัจจุบันประเทศที่แบนบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มเป็น 37 ประเทศ” ศ.นพ.ประกิต กล่าวและว่า ข้ออ้างของฝ่ายสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าที่ให้ยกเลิกการห้าม เพื่อให้รัฐเก็บภาษี เป็นข้ออ้างที่ถูกปฏิเสธโดยองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่ารายได้จากภาษีบุหรี่ไฟฟ้ามีจำนวนเล็กน้อยไม่คุ้มค่ากับการที่เด็กและเยาวชนจำนวนมากต้องเข้ามาเสพติด ทำให้สูญเสียคุณภาพชีวิต ค่ารักษาพยาบาลในอนาคต หากต้องการภาษีบุหรี่ไฟฟ้ามากๆ หมายถึงต้องมีเด็กและเยาวชนเข้ามาติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ถ้ารัฐบาลอยากได้รายได้เพิ่มจากภาษี แนะนำให้ไปขึ้นภาษีบุหรี่ธรรมดาและยาเส้นที่วางขายอยู่แล้ว เพราะนอกจากรายได้เพิ่มยังช่วยลดการบริโภคยาสูบได้