บอร์ด สปสช. รับทราบความเห็น หลัง "กฤษฎีกา" ตีตก ร่าง พ.ร.ฎ. 4 ฉบับ บริการส่งเสริมป้องกันโรคนอกสิทธิบัตรทอง เหตุ สปสช.มีอำนาจจัดบริการให้คนไทยทุกคนตามมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.หลักประกันฯ อยู่แล้ว เตรียมจัดทำร่างประกาศฯ หลักเกณฑ์ใช้งบฯ ชง รมว.สธ.ลงนาม หลัง ครม.มีมติเห็นชอบ เผยมีรอเบิกจ่ายกว่า 2 พันล้านบาท หากไม่ทันสิ้นปีงบนี้ จะขอกันงบไว้
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช). กล่าวว่า การประชุมบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการพิจารณารับทราบความคืบหน้าการจัดทำข้อตกลงและการตราพระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 หลังจากที่ ครม.มีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา 4 ฉบับ ในสิทธิบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ภายหลังบอร์ด สปสช. ได้พิจารณาเพิ่มความครอบคลุมผู้ที่ไม่ใช่สิทธิบัตรทองอีก 6 กลุ่ม โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีหนังสือลงวันที่ 19 มิ.ย. 2566 แจ้งว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดแล้ว โดยสรุปความได้ว่าร่างพระราชกฤษฎีกา 4 ฉบับ ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ทำให้คณะกรรมการกฤษฎีกาฯ ไม่สามารถตรวจพิจารณาต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ตามมาตรา 5 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ บัญญัติให้ "บุคคลทุกคน" มีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สปสช.จึงมีหน้าที่ต้องให้บริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานแก่บุคคลทุกคนโดยเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ตามมาตรา 18 (14) บัญญัติให้ บอร์ด สปสช. มีหน้าที่และอำนาจปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ครม.มอบหมาย ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ครม. มีมติเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2565 เห็นชอบวงเงินงบประมาณประจำปี 2566 ครอบคลุมการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชากรไทยทุกคน ไม่ได้ยกเว้นบุคคลตามมาตรา 9 และมาตรา 10 คณะกรรมการกฤษฎีกาฯ มีความเห็นว่า สปสช. จึงมีอำนาจในทางบริหารตามที่ได้รับมอบหมายจาก ครม. ตามมาตรา 5 ประกอบกับมาตรา 18 (14) ดังนั้น กรณีจึงเป็นการสมควรที่ ครม.จะได้มีมติให้ สธ. สปสช. องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ต่อไป เพื่อคุ้มครองสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของประชากรไทยทุกคน
นพ.จเด็จ กล่าวว่า จากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ บอร์ด สปสช.ได้รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตามคงต้องรอมติจาก ครม. ในการดำเนินการเพื่อให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกับคนไทยทุกคนก่อน โดยระหว่างนี้ สปสช.จะทำจัดทำร่างประกาศฯ หลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2566 เพื่อกำหนดการเบิกจ่ายสำหรับบริการสาธารณสุขด้านการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค และฟื้นฟูสมรรถภาพให้ครอบคลุมคนไทยทุกคน และเสนอให้ รมว.สธ. ลงนามต่อไป ซึ่งทันทีที่มีมติ ครม. ออกมารองรับ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ และเมื่อร่างประกาศฯ มีผลบังคับใช้ สปสช.พร้อมที่จะดำเนินการทันที รวมถึงการบริหารจัดการงบประมาณในส่วนของบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับคนไทยทุกคน ซึ่งขณะนี้มีหน่วยบริการที่ได้ให้บริการผู้ไม่ใช่สิทธิบัตรทองไปแล้ว และรอการเบิกจ่ายอยู่ประมาณกว่า 2 พันล้านบาท
ส่วนที่เกรงว่าขณะนี้ใกล้วันที่ 30 ก.ย.สิ้นปีงบประมาณ 2566 จะทำให้เงินก้อนนี้ตกไปนั้น ตามระเบียบสำนักงบประมาณกำหนดให้ กรณีที่ไม่สามารถใช้เงินงบประมาณได้ทัน ในช่วง 1 ปี เป็นอำนาจของเลขาธิการ สปสช. ในการขอกันเงินงบประมาณที่เหลืออยู่ไปใช้ต่อได้ อย่างไรก็ตาม ต้องชี้แจงว่า สปสช.มีแผนในการใช้งบประมาณที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงไม่เป็นปัญหาและขอให้มั่นใจได้