กรมสุขภาพจิต ชี้ด่วนสรุปปมสาเหตุฆ่าตัวตาย เชิงตำหนิ เสมือนพิพากษาคนจากข้อมูลไม่ครบถ้วน เหตุฆ่าตัวตายมีหลายสาเหตุเกี่ยวข้อง อย่าด่วนโทษสิ่งที่ฟางเส้นสุดท้าย ชี้ยิ่งวิจารณ์ในออนไลน์ ยิ่งเพิ่มความเกลียดชัง
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถานการณ์ความกดดันในสังคมที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2565 มีอัตราสูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติใบมรณบัตร กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จเพิ่มขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 7.97 ต่อ 1 แสนประชากร เพิ่มขึ้นชัดเจนจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 7.38 ต่อ 1 แสนประชากร เป็นที่น่าสังเกตว่า ในระยะหลัง มักมีการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายอย่างกว้างขวางในสื่อออนไลน์ พร้อมมีการวิจารณ์หรือด่วนสรุปสาเหตุและตำหนิผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในรูปแบบของ Hate speech มากขึ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
"ในความเป็นจริง การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องใหญ่และมักมีหลายเหตุปัจจัยเกี่ยวข้อง การสรุปหรือด่วนกล่าวโทษสิ่งที่อาจเป็นเพียง “ฟางเส้นสุดท้าย” สามารถนำไปสู่ปัญหาสร้างความเกลียดชัง ความก้าวร้าวหรือแม้แต่ความกดดันจากความรู้สึกผิดและการสูญเสียอื่นๆ ที่มากขึ้นในทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อเป็นการพิพากษาหรือตำหนิรุนแรงในสื่อออนไลน์ ทุกคนจึงต้องมีสติ ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ในการช่วยกันดูแลสังคมด้วยการแสดงออกที่เหมาะสม" พญ.อัมพรกล่าว
พญ.บุญศิริ จันศิริมงคล ผอ.สำนักความรอบรู้สุขภาพจิต กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้มีความเสี่ยงหรือกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตชีวิต สามารถให้ความช่วยเหลือแนะนำรับบริการดูแลรับฟังความทุกข์ใจทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อช่วยชะลอทบทวนการตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ซึ่งมีการบริการเพิ่มเติมบนแอพพลิเคชันไลน์อีกด้วยเพื่อให้การปรึกษาเบื้องต้นได้สะดวกขึ้น กรมสุขภาพจิตยัง สนับสนุน Sati App แอปพลิเคชันแพลตฟอร์มที่สามารถเข้าถึงผู้ต้องการพื้นที่เพื่อพูดคุยเพื่อระบายความทุกข์โศกด้วยอาสาสมัครที่เป็นผู้ฟังด้วยหัวใจผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
ทั้งนี้ หากเราช่วยให้ผู้คนจำนวนมากได้เข้าใจและรู้เท่าทันอารมณ์ ความคิดตนเองมากขึ้น จะสามารถดูแลตัวเราเองและคนรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น กรมสุขภาพจิตยังมีช่องทางการติดต่อต่างๆ ในการเฝ้าสังเกตและช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยงทำร้ายตนเองได้แก่ ทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตาย (HOPE Taskforce) ที่จะคอยทำหน้าที่เฝ้าสังเกตกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายตนเองบนโซเชียลมีเดียและจัดให้มีการติดต่อผู้เชี่ยวชาญให้ปรึกษาและรับส่งต่ออีกด้วย
"ขอให้ประชาชนเห็นใจ รับฟังข่าวสารด้วยสติ ร่วมดูแลสังคมด้วยการแสดงออกต่อกันอย่างเหมาะสม และหมั่นสำรวจสุขภาพใจด้วยตนเองผ่านช่องทางไลน์คิวอาร์โคด Mental Health Check In (MHCI) เพื่อรู้เท่าทันสัญญาณความเสี่ยงภาวะสุขภาพจิตได้ พร้อมรับคำแนะนำการสื่อสารเชิงบวก ลดความไม่พอใจและการแสดงความเห็นรุนแรง และปลอบปะโลมสังคมให้ผาสุขได้ ไม่ด่วนตำหนิ ไม่พิพากษากัน ไม่เพิ่มความเกลียดชังในสังคม" พญ.บุญศิริกล่าว