สถาบันอาชีพคนพิการนานาชาติ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดหลักสูตร พัฒนาเพื่อฝึกงานคอมพิวเตอร์ ให้แก่คนพิการฟรี! มุ่งเน้นการจัดการศึกษาสู่อาชีพ เพื่อให้คนพิการมีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน เน้นฝึกฝนและพัฒนาเต็มศักยภาพ ในวิชาชีพอันเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ผู้พิการที่เข้าอบรมจะได้รับสิ่งอำนวยสะดวกและเบี้ยเลี้ยงระหว่างฝึกงาน ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติโดยมีการ Re-Skill, Up-skill และ New Skill หวังจัดหางานสำหรับผู้รับการฝึกที่มีทักษะเพียงพอ ให้ได้มีงานทำทุกคน เผยมีผู้พิการเข้าฝึกงาน ม 35 จำนวน17 คน มาจากภาคเหนือและภาคกลางของไทย วอนสังคมเมตตาสนับสนุนทุนการศึกษาให้ผู้พิการได้ที่ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี 3424736274 ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ออมทรัพย์ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
นายสุเมธ พลคะชา ผู้อำนวยการ โครงการสถาบันอาชีพคนพิการนานาชาติคนพิการ ภายใต้ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดเผยว่า จากการที่มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้ริเริ่มงานสถาบันอาชีพคนพิการนานาชาติขึ้นเมื่อปี พศ..2565 โดยมุ่งเน้นการจัดการศึกษาสู่อาชีพแก่คนพิการไม่จำกัดประเภทความพิการ ความรู้พื้นฐาน และอายุ ทั้งคนพิการในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน บริการจัดหางานและส่งเสริมการมีงานทำเพื่อให้คนพิการมีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน โดยปี2566 นี้ ทางสถาบันได้เปิดหลักสูตรพัฒนาระบบสารสนเทศขั้นต้น ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น โปรแกรม MS Office การพัฒนาระบบสารสนเทศ การออกแบบระบบและการทำรายงาน ทั้งนี้ได้เปิดอบรม software ต่างๆ ใช้ระยะเวลาในการฝึก6 เดือน เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ในเนื้อวิชาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน พร้อมสิ่งอำนวยสะดวกและเบี้ยเลี้ยงระหว่างฝึกงาน ทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ โดยมีการ Re-Skill, Up-skill และ New Skill รองรับการเปลี่ยนแปลงจาก Social Disruption อีกทั้งบริการจัดหางานสำหรับผู้รับการฝึกที่มีทักษะเพียงพอ ให้ได้มีงานทำทุกคน ทั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้พิการเข้าฝึกงาน ม35 จำนวน 17 คนจากภาคเหนือและภาคกลางของไทย
“เรามองว่าอาชีพไม่ใช้เพียงแค่หารายได้เพียงพอกับการยังชีพเท่านั้นแต่อาชีพยังหมายถึงการแสดงคุณค่าและศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ คนพิการจึงต้องการอาชีพ ต้องการพึ่งพาตนเอง มีคุณค่าต้องตนเอง ต่อครอบครัวและสังคม สถาบันฯ จึงต้องการส่งเสริมคุณค่านี้แก่ผู้พิการ ได้ฝึกทักษะการทำงาน และเป็นศูนย์กลางส่งเสริมอาชีพแก่คนพิการในประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน การจัดอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. จัดการศึกษาสู่การมีงานจัดการศึกษาสู่การมีงานทำ (Education to Employment) 2. ฝึกทักษะอาชีพหรือฝึกงาน (Internship) 3. เป็นศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ บริการสถานที่ ทำงานร่วม
(Co-working space) และพื้นที่จัดตั้งสำนักงาน (Office space) หรือ ดำเนินธุรกิจต่างๆ 4. ส่งเสริมอาชีพคนพิการในพื้นที่และเครือข่ายทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างครบวงจร”
ทั้งนี้ เราได้ออกแบบหลักสูตรโดยเน้นความต้องการของตลาดเป็นตัวตั้ง โดยมีเนื้อหาสาระด้าน "ความ
พิการศึกษา” (Disability Study) และทักษะการดำรงชีวิตอิสระ โดยไม่จำกัดวุฒิการศึกษา อายุ และเพศของคนพิการที่สมัครเข้าเรียน ซึ่งผู้ผ่านการอบรมจะได้รับใบรับรองหลักสูตรโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน บริษัท ไมโครซอฟท์ สถาบันการศึกษาหรือภาคภาคธุรกิจเอกชนอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งการฝึกทักษะนี้เป็นหลักสูตรพิเศษสำหรับผู้พิการที่มุ่งเน้นเพิ่มทักษะให้สามารถทำงานได้จริง อย่างมีคุณภาพ โดยรับงานจริง จากสถานประกอบการในเขตพื้นที่ EEC โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ คนพิการไม่จำกัดประเภทความพิการ ความรู้พื้นฐาน และอายุ คนพิการไทยและภูมิภาคอาเซียน
สำหรับหลักสูตรที่สถาบันฯ เปิดอบรมน่าสนใจ อาทิ หลักสูตรด้านการเกษตร (เศรษฐกิจพอเพียง) หลักสูตรด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หลักสูตร Social Enterprise ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น โดยมี มูลนิธิฯเป็นผู้รับผิดชอบและบริหารจัดการโครงการ ทั้งนี้จึงขอ เชิญชวนธุรกิจภาคเอกชน และผู้มีจิตศรัทราร่วมให้การสนับสนุนแก่ผู้พิการได้ที่ สถาบันอาชีพคนพิการนานาชาติ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคน หรือบริจาคผ่านเลขที่บัญชี 3424736274 ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ออมทรัพย์ ใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้
“ด้วยจุดแข็งของสถาบันซึ่งมีประสบการณ์ที่ทำงานด้านคนพิการและการฝึกอาชีพคนพิการ ด้านธุรกิจ และเทคโนโลยีดิจิทัลมากกว่า 30 ปี อีกทั้งยังมีเครือข่ายการทำงานทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรคนพิการ ซึ่งมีผลงานและความน่าเชื่อถือของมูลนิธิพระมหาไถ่ ฯ ซึ่งเราคาดว่าจะเกิดรูปแบบการส่งเสริมอาชีพคนพิการที่สามารถขยายผล ได้ทั่วประเทศ รวมทั้งภูมิภาคอาเซียน คนพิการและครอบครัวมีอาชีพ คนพิการและครอบครัวมีอาชีพและการทำงานที่ยั่งยืน พร้อมๆกับสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ นำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าและกินดีอยู่ดีของประชาชน” นายสุเมธ พลคะชา กล่าวในท้ายสุด