ผู้แทน 5 ชมรมำยาบาล ยื่น 4 ข้อเสนอ ปลัด สธ. แก้ปัญหาขาดแคลน ภาระงานพุ่ง วอนเพิ่มอัตรากำลัง หลังพบมีเพียง 77% ของกรอบที้ควรมี ขอชำนาญการพิเศษ 20% พัฒนากำลังคนและโครงสร้าง
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพยาบาลเป็นวิชาชีพหนึ่งที่กำลังมีปัญหาขาดแคลน ขณะที่ปัญหาสุขภาพและความต้องการบริการสุขภาพของประชาชนมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กองการพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงมีการประชุมหารือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ ประธานเครือข่ายพยาบาลเขตสุขภาพ ทั้ง 13 เขต ผู้แทนพยาบาลจากชมรมต่างๆ และร่วมกันวิเคราะห์ประเด็นปัญหา/แนวทางแก้ไขด้านกำลังคนทางการพยาบาลทั้งระบบ เพื่อนำเสนอผู้บริหารพิจารณาตัดสินใจเชิงนโยบาย
นพ.โอภาสกล่าวว่า โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้แทนชมรมพยาบาล 5 ชมรม คือ ชมรมผู้บริหารทางการพยาบาลแห่งประเทศไทย ชมรมผู้บริหารการพยาบาล รพ.ชุมชน ชมรมพยาบาลรพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป ชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย และชมรมพยาบาล รพ.สต. เข้าพบเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาด้านกำลังคนทางการพยาบาล มีข้อเสนอการแก้ไขปัญหาด้านกำลังคนทางการพยาบาล 4 ประเด็น ได้แก่
1.การบริหารอัตรากำลังทางการพยาบาล จากการวิเคราะห์ภาระงานพบว่า ปัจจุบันมีพยาบาลเพียงร้อยละ 77 ของกรอบอัตรากำลังที่ควรมี และยังต้องทำงานทดแทนกำลังคนที่ลาป่วย/คลอด/ลาศึกษาต่อ ส่งผลให้ชั่วโมงการทำงานในหนึ่งสัปดาห์สูงเกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งมีการสูญเสียพยาบาลที่มีประสบการณ์/ความเชี่ยวชาญ จากการเกษียณอายุราชการ จึงขอให้เพิ่มตำแหน่งการจ้างงานพยาบาลวิชาชีพ และผู้ช่วยพยาบาล และปรับให้ใช้เลขตำแหน่งว่างของผู้เกษียณได้เร็วขึ้น เพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยทดแทนการทำงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะทางวิชาชีพ
2.ด้านความก้าวหน้า ค่าตอบแทนและคุณภาพชีวิต พยาบาลวิชาชีพในสังกัดสำนักงานปลัด สธ. ยังมีความเหลื่อมล้ำกับผู้ที่ปฏิบัติงานในสังกัดกรมต่างๆ จึงขอเพิ่มการกำหนดระดับชำนาญการพิเศษ ให้ได้ร้อยละ 20 ของพยาบาลวิชาชีพที่มี และเพิ่มระดับเชี่ยวชาญ ใน รพ.ชุมชนแม่ข่าย รพ.ทั่วไปขนาดเล็ก และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พร้อมปรับเพิ่มค่าจ้างพยาบาลวิชาชีพประเภทลูกจ้างชั่วคราว และปรับค่าตอบแทนเงินเพิ่มพิเศษให้ทัดเทียมกับกระทรวงอื่น ดูแลสวัสดิการและคุ้มครองการทำงานให้มีความปลอดภัย รวมถึงมีสิทธิประโยชน์แก่ทายาท กรณีที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติงาน
3.สมรรถนะและแผนพัฒนากำลังคนทางการพยาบาล จะมีการกำหนดแผนพัฒนาขีดความสามารถของพยาบาลวิชาชีพ คือ พยาบาลผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง ผู้มีประสบการณ์สูงทางคลินิก ตลอดจนพยาบาลรุ่นเยาว์ และจัดตั้งศูนย์ศึกษาด้านการพยาบาล (ชั้นคลินิก) เพื่อพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลในแต่ละเขตสุขภาพ
4. ด้านโครงสร้างหน่วยงานในราชการบริหารส่วนภูมิภาค สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอให้มีการทบทวนโครงสร้างงานบริการพยาบาล ให้สอดคล้องกับบริการสุขภาพเพิ่มขึ้นใน รพ.ขนาดใหญ่ เช่น การปลูกถ่ายอวัยวะ บริการไตเทียม บริการสุขภาพจิตและยาเสพติด เป็นต้น และควบรวมบริการสุขภาพบางประเภทใน รพ.ขนาดเล็ก รวมถึงกำหนดพยาบาลวิชาชีพในกลุ่มงานอนามัยสิ่งแวดล้อม ของ สสจ.
