แพทยสภาพิจารณาปัญหา "แพทย์ใช้ทุน" ลาออก ตั้งคณะอนุฯ 2 ชุด ชุดแรกติดตามปัญหาแพทย์เพิ่มพูนทักษะตั้งแต่เดือนแรกที่ทำงาน เก็บข้อมูล ทำ Fast Track แก้ไขปัญหาเมือ่พบ เพื่อให้อยู่ในระบบนานขึ้น ส่วนอีกชุดดูเรื่องปัญหาขาดแคลนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจงมีแนวทางกำหนดชั่วโมงทำงาน และติดตามช่วยเหลือหาก รพ.ทำตามไม่ได้ แนะหางบประมาณจ้างหมอภายนอกเพิ่ม
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ครั้งที่ 7/2566 ที่มี ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา เป็นประธาน ซึ่งมีวาระพิจารณาประเด็นปัญหาการลาออกของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ภาระงานและปัญหาการขาดแคลนแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า การลาออกของแพทย์ใช้ทุนนั้นเป็นปัญหาที่แพทยสภาให้ความสำคัญและห่วงใย โดยมีความพยายามติดตามปัญหามาตลอด แต่แก้ไขได้เพียงบางส่วนเท่าที่มีอำนาจกระทำได้ ด้วยต้นเหตุมีความซับซ้อนและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งนี้ แพทย์ชดใช้ทุนส่วนใหญ่อยู่ในสังกัด สธ. ในปีแรกเรียกว่าแพทย์เพิ่มพูนทักษะ แพทยสภาตั้งอนุกรรมการเพื่อดูแลแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเครือข่าย ปัจจุบันมี 35 เครือข่าย และ 140 โรงพยาบาล เพื่อตรวจเยี่ยมและประเมินสถาบันที่ปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะ และดูแลแพทย์จบใหม่เกือบทั้งหมดที่อยู่ในสังกัด สธ.
"การใช้ทุนแพทย์เพิ่มพูนทักษะปีที่ 1 เป็นโครงการร่วม เพื่อช่วยให้แพทย์ใหม่ได้เรียนรู้ในการดูแลผู้ป่วยและหัตถการอย่างต่อเนื่อง เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้แพทย์จบใหม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ โดยมี ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน เสนอปัญหาและแนวทางแก้ไข โดยตรงจากทุกเขตสุขภาพ ด้วยความร่วมมือระหว่าง สธ.และคณะแพทยศาสตร์ต่าง ๆ ตลอดช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาและลดปัญหาไปได้บางส่วน" พล.อ.ท.นพ.อิทธพรกล่าว
พล.อ.ท.นพ.อิทธิพรกล่าวว่า ส่วนปัญหาการลาออกจากราชการของแพทย์ใช้ทุน เป็นปัญหาเชิงซ้อนซึ่งมีต่อเนื่องมาโดยตลอด มีการศึกษาและติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งแพทยสภา แพทย์จบใหม่ทุกคนเป็นกลไกสำคัญของระบบสุขภาพที่ดูแลรักษาประชาชนผู้เจ็บป่วย ให้การเข้าถึงระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย แต่ยังขาดประสบการณ์ และต้องการการดูแลจากอาจารย์ และแพทย์อาวุโสที่ร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้เกิดความอุ่นใจ และปลอดภัยในการทำงาน ร่วมกับภาระงานต้องไม่หนักเกินกำลัง ในกรณีนี้แพทยสภาจึงได้กำหนดแนวทางชั่วโมงการทำงานไว้ ในประกาศแพทยสภาที่ 46/2565 กำหนดให้แพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ทำงาน ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงให้พัก 4 ชั่วโมงอย่างน้อย และปฏิบัติงานนอกเวลาไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนการปฏิบัติงานเวรอุบัติเหตุฉุกเฉินได้ไม่เกิน 16 ชั่วโมงติดต่อกัน เพื่อความปลอดภัยของแพทย์และผู้ป่วย และติดตามว่า รพ.ใดบ้างที่ไม่สามารถปฏิบัติตามแนวทางนี้และด้วยเหตุใด เพื่อจะได้เป็นตัวกลางช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางออก ทั้งนี้ อาจมีการเพิ่มเติมรายละเอียดได้ในอนาคต
"เมื่อรวบรวมปัญหาที่ทำให้น้องแพทย์ใหม่แต่ละท่าน เกิดความทุกข์ในการทำงาน ขึ้นกับแต่ละสถานที่ ที่ใช้ทุนแตกต่างกันไป ที่สำคัญคือเกิดจากการขาดแคลนแพทย์ผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล บางแห่งมีการขาดแคลนมากเกิดการควบเวร เมื่อเทียบกับภาระงานหรือจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการ ทำให้ต้องทำงานมากกว่าที่ควรเป็น รับผิดชอบเกินกำลัง เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขโดยรัฐบาล ซึ่งต้องมีงบประมาณในการจัดจ้างบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมจากภายนอก นอกเหนือจากที่ได้รับจัดสรรจากแพทย์จบใหม่ อาจจะมาจากผู้ที่เกษียณราชการ หรือภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลที่ดี และมีนโยบาย ดูแลสุขภาพเพื่อลดความเจ็บป่วยหรือกระจายผู้ป่วยให้เข้าถึง ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่ง สธ.กำลังดำเนินการอยู่" เลขาธิการแพทยสภากล่าว
พล.อ.ท.นพ.อิทธพรกล่าวว่า ปัญหาเรื่องสวัสดิการค่าตอบแทน รวมถึงภาระหน้าที่และความช่วยเหลือของแพทย์อาวุโสในแต่ละ รพ. ในการให้คำปรึกษาและช่วยงาน ความเป็นธรรม ในการจัดภาระงาน อาทิ การดูแลคนไข้ นอกเวลาและในวันหยุด ความเสี่ยงของคดีความ และความช่วยเหลือด้านกฎหมายของ รพ. มีความสำคัญในการ ที่ทำให้แพทย์ใหม่ ปฏิบัติงานและปรับตัวผ่านช่วงเพิ่มพูนทักษะได้และอยากรับราชการต่อในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต่อเนื่องกันไปถึงการให้ทุนในการศึกษาต่อด้วย เพราะแพทย์กว่าร้อยละ 80 ต้องการความก้าวหน้าในสายวิชาชีพ ด้วยการเรียนต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ คณะกรรมการแพทยสภามีมติให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่อเนื่องจากชุดแรกอีก 2 ชุด ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการติดตามประสานงานกับแพทย์เพิ่มพูนทักษะ พ.ศ. 2566 เพื่อติดตามปัญหาตั้งแต่เดือนแรกในการปฏิบัติงาน และทำทางด่วน ( fast track ) ในการแก้ไขเร่งด่วนกับแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเก็บข้อมูลและวิเคราะห์แนวทางแก้ไขปัญหาป้องกันและรักษาแพทย์ใช้ทุนให้อยู่ในระบบได้เรียนรู้และทำงานอย่างมีความสุขโดยมี ศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวานิชย์อุปนายกแพทยสภาคนที่ 2 เป็นประธาน และ 2.คณะอนุกรรมการบูรณาการ ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ ร่วมกับ สธ. มหาวิทยาลัย ราชวิทยาลัย และหน่วยที่เกี่ยวข้อง อาทิ ก.พ. สปสช. เพื่อวางระบบ การผลิต การศึกษาต่อ และการกระจายแพทย์ ของประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพทยสภา โดยนายกแพทยสภาเป็นประธาน เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ได้วิเคราะห์เกี่ยวกับ ภาระงาน มาตรฐานและความเหมาะสมให้ จัดระบบแพทยศาสตร์ศึกษาของประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันกฎหมายควบคุมเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ตามความเหมาะสม เพื่อการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนของรัฐบาล