xs
xsm
sm
md
lg

3 ฝ่ายเร่งหาข้อสรุป ปมท้วง "ร้านยา" จ่ายยารักษา 16 กลุ่มอาการ ขัดหลักแพทย์ สภาเภสัชฯ ยันไม่ได้วินิจฉัยโรค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เร่งหารือ 3 ฝ่าย แพทยสภา สปสช. สภาเภสัชฯ หาข้อสรุปปมท้วงให้ร้านยาจ่ายยา 16 กลุ่มอาการสิทธิบัตรทอง อาจขัดหลักวิชาชีพแพทย์ ผู้ป่วยไม่ได้ตรวจละเอียด สภาเภสัชฯ แจงไม่ได้วินิจฉัย แต่ให้ยาตามอาการเบื้องต้น มีการติดตาม อาการไม่ดีส่งต่อ รพ. ชี้ พ.ร.บ.ยาต้องปรับปรุงเรื่องวิชาชีพกับการจ่ายยา

จากกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับสภาเภสัชกรรม จัดบริการดูแลโรคทั่วไปหรือการเจ็บป่วยเล็กน้อย (common illnesses) 16 กลุ่มอาการ ให้แก่ผู้มีสิทธิบัตรทองไปรับบริการที่ร้านยาคุณภาพที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศสามารถรับยาฟรีได้ เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยา สะดวก รวดเร็ว กระทั่งแพทยสภาทำหนังสือทักท้วง ว่า อาจขัดหลักวิชาชีพแพทย์ในเรื่องการวินิจฉัยโรคนั้น

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. แหล่งข่าวแพทย์ผู้ปฏิบัติงานใน รพ.แห่งหนึ่ง ให้ข้อมูล ว่า ก่อนที่ สปสช.จะประกาศให้มีการจัดบริการดังกล่าว โดยจัดสรรงบประมาณเป็นรายหัวแก่ร้านยาคนไข้ละ 190 บาทในการดูแล 16 กลุ่มอาการ ซึ่งสปสช.และสภาเภสัชฯ ให้ข้อมูลว่า การดูแลกลุ่มโรคเหล่านี้ เป็นเพียงการดูแลการเจ็บป่วยเบื้องต้น เล็กๆน้อยๆ แต่บางกลุ่มอาการ แพทย์ก็กังวลว่า หากให้ยาที่ไม่ตรงจุดจริงๆ เพราะไม่ได้ตรวจละเอียด อาจทำให้เสียโอกาสการรักษา จึงมีการร้องไปยังแพทยสภา ถึงข้อห่วงใยดังกล่าว และเข้าใจว่า ได้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความ แต่ทางกฤษฎีกาให้ 3 หน่วยงาน คือ แพทยสภา สปสช. และสภาเภสัชกรรม มาหารือกันเอง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบความคืบหน้าดังกล่าว

ด้าน ภก.ดร.สุวิทย์ ธีรกุลชน อุปนายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสาธารณสุข ซึ่งพิจารณาให้ทั้ง 3 ฝ่าย คือ แพทยสภา สปสช. และสภาเภสัชกรรม มาปรึกษากัน มีการพูดคุยกันไปแล้ว คิดว่าจะสามารถหาข้อสรุปกันได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการนั้น ไม่ใช่การวินิจฉัย เพราะปกติร้านยาทุกร้าน โดยเภสัชกรจะมีการซักถามอาการ แต่ไม่ได้วินิจฉัยว่า คุณเป็นโรคนี้ หรือโรคนี้แต่อย่างใด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาการเบื้องต้น เจ็บคอ แต่โอกาสที่จะนำไปสู่อาการรุนแรงหรือไม่นั้น จริงๆก็มีแต่เราไม่ได้วินิจฉัยว่าเขาเป็นอะไร ดังนั้น ภายใน 3 วันที่ได้รับประทานยาก็จะมีการโทรติดตาม หากไม่หายก็จะส่งต่อไปยังสถานพยาบาล


ผู้สื่อข่าวถามว่าจะแตกต่างอย่างไรกับก่อนหน้านี้แพทย์วินิจฉัยโรคให้ใบสั่งจ่ายยา และให้คนไข้มาเบิกยาที่ร้านยา ภก.ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า คนละอย่างกัน กรณีนั้นคือ แพทย์วินิจฉัยโรคและออกใบสั่งยา แต่อันนี้เป็นอาการเบื้องต้น จริงๆ กรณีเหล่านี้ รวมทั้งที่ร้านขายยาสั่งยา 16 อาการเบื้องต้นก็เป็นการลดความแออัดใน รพ.สำหรับประชาชนที่มีอาการไม่มาก ซึ่งเป็นไปตามโครงการของ สปสช.

เมื่อถามถึงก่อนหน้านี้เคยมีการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยา เพราะมีผลกระทบเรื่องวิชาชีพในการจ่ายยา ขณะนี้มีการใช้ พ.ร.บ.ยา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562 ผ่านมาจะ 4 ปีจำเป็นต้องปรับปรุงเรื่องใดหรือไม่ ภก.ดร.สุวิทย์กล่าวว่า จริงๆ พ.ร.บ.ยา (ฉบับที่ 6) ก็ไม่ได้เปลี่ยนจากเดิม เพียงแต่ออกมาใช้คู่กับฉบับแรกปี 2510 จริงๆ ต้องรอการปรับ พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่เลย เนื่องจาก พ.ร.บ.ยาที่ใช้อยู่ค่อนข้างล้าสมัย น่าจะต้องปรับเปลี่ยนหลายเรื่อง อย่างตอนปี 2561 ที่มีการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยา เพราะมีความเข้าใจผิดในเนื้อหาและเป็นประเด็นที่ถ้ามีการปรับแก้ไขไป จะส่งผลเสียต่อการประกอบวิชาชีพเลยออกมาเรียกร้องกัน แต่ประเด็นสำคัญของ พ.ร.บ.ยา คือ จะทำอย่างไรให้คุ้มครองผู้บริโภคได้ดีขึ้น ประเด็นที่คิดว่าสำคัญคือ เรื่องของการโฆษณา เรื่องใครจะสามารถจ่ายยาในกลุ่มไหนอย่างไร ซึ่งหากมานั่งพิจารณารีวิวกันใหม่เลยก็น่าจะเป็นประโยชน์ แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้

"แต่หากต้องแก้ พ.ร.บ.ยาใหม่นั้น เราอยากให้ประเทศไทยเป็นเหมือนกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่มีการแบ่งชัดเจนว่า การประกอบวิชาชีพ "แพทย์" จะวินิจฉัย และ "เภสัชกร" จ่ายยา ทำไมถึงต้องเป็นแบบนั้น เพราะว่าเรียนมาต่างกัน และองค์ความรู้ที่โฟกัสกันคนละจุด พอแพทย์สั่งจ่าย เภสัชกรก็จะมาดูว่าได้รับการวินิจฉัยโรคนั้นโรคนี้ จ่ายยาตัวนั้นตัวนี้เหมาะสมแล้วหรือยัง มีอะไรที่ดีกว่านั้นหรือเกิดการขัดแย้งกับประวัติที่เคยได้รับยามา ก็ทำให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยมากขึ้น แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นใน รพ. แต่นอก รพ.ยังไม่เกิด คือ คลินิกหมอเป็นคนวินิจฉัยและสั่งจ่ายจบในคนเดียว เป็นต้น ซึ่งไม่ได้เป็นหลักปฏิบัติของประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งอยากให้กำหนดใน พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ให้ชัดเจน ว่าใครควรทำหน้าที่อะไร" ภก.ดร.สุวิทย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 16 อาการเบื้องต้น ประกอบด้วย 1.ปวดหัว 2.เวียนหัว 3.ปวดข้อ 4.เจ็บกล้ามเนื้อ 5.ไข้ 6.ไอ 7.เจ็บคอ 8.ปวดท้อง 9.ท้องเสีย 10.ท้องผูก 11.ถ่ายปัสสาวะขัด, ปัสสาวะลำบาก, ปัสสาวะเจ็บ 12.ตกขาวผิดปกติ 13.อาการทางผิวหนัง ผื่นคัน 14.บาดแผล 15.ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตา และ 16.ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหู


กำลังโหลดความคิดเห็น