“เอนก” ชี้แผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหามกุฎฯ ปี 67 – 70 ต้องพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพจะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาระดับโลกได้ ที่สำคัญ มมร.ต้องเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือสังคมให้มากขึ้น ต้องสร้างงานสร้างอาชีพร่วมกับภาคธุรกิจ เอกชน
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวในการบรรยายพิเศษ หัวข้อ "มุมมอง ทิศทางและนโยบายของมหาวิทยาลัยกลุ่มพัฒนาปัญญา และคุณธรรมด้วยหลักศาสนา ในโอกาสการจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2567 - 2570) ณ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร.) วิทยาเขตพุทธมณฑล ว่า ตามกรอบการทำงานของกระทรวง อว. ได้มีการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยของเป็น 5 กลุ่ม เพื่อที่จะดำเนินงานขับเคลื่อนให้ตรงกับทิศทางการพัฒนาของแต่ละแห่ง ที่มีความเป็นเลิศแตกต่างกัน ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งในการยกระดับมหาวิทยาลัยให้สามารถใช้ศักยภาพและความเข้มแข็งเพื่อพัฒนาประเทศให้ตรงกับจุดเด่นของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง
รมว.อว. กล่าวต่อว่า มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกลุ่มพัฒนาปัญญา และคุณธรรมด้วยหลักศาสนา และศาสนาพุทธก็เป็นศาสนาที่เป็นหัวใจหลักของประเทศ ความเป็นคนไทยจึงถูกหล่อหลอมด้วยศาสนาให้มีจริยธรรมอันดีงาม เมื่อศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือสังคมให้มากขึ้น ดังนั้น ทิศทางของมหาวิทยาลัยจึงควรมีการโฟกัสการทำงานที่ชัดเจนและพร้อมที่จะเอาคนเก่งๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรและนักศึกษา รวมถึงมีการสร้างงานสร้างอาชีพร่วมกับภาคธุรกิจ เอกชน จะทำให้เราได้เปรียบเพราะจะมีทั้งคนดีและคนเก่งเข้ามาพัฒนาประเทศมากขึ้น ซึ่งกระทรวง อว.พร้อมที่จะสนับสนุนในทุกๆ เรื่อง เพราะฉะนั้น หากเราสามารถพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพได้ จะสามารถดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาสนใจและเรียนรู้จากประเทศเรา ซึ่งจะทำให้เรากลายเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาระดับโลกได้