xs
xsm
sm
md
lg

"ปานเทพ" ค้านว่าที่ รบ.ใหม่ MOU ดัน "กัญชา" กลับสู่ยาเสพติด ชี้ทำคนไข้เป็นนักโทษ ใช้การแพทย์ยากขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ปานเทพ" ค้านว่าที่รัฐบาลใหม่จ่อดัน "กัญชา" กลับยาเสพติด กระทบคนใช้รักษากว่า 3.8 ล้านคน ต้องกลายเป็นนักโทษ แถมใช้ทางการแพทย์ยากขึ้นเป็นอุปสรรค ชี้ "เหล้า" ติดง่ายกว่าแต่กลับดันสุราก้าวหน้า ห่วงผู้ประกอบการต่างๆ เดือดร้อน หลังเดินหน้าทำผผลิตภัณฑ์แล้ว "หมออดิศักดิ์" เห็นด้วยใช้แค่ทางการแพทย์ แบน "บุหรี่ไฟฟ้า" ด้านตุ๊กแก ลายเทียน ย้ำต้องมีการชดเชยตามจริงกลุ่มที่ลงทุนแล้ว

จากกรณีมีการลงนาม MOU ร่วมรัฐบาล 8 พรรคการเมือง โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้อ 16 มีการระบุว่า จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ร้านที่เปิดจำหน่ายกัญชาอย่างถูกต้องก่อนหน้านี้ ก็จะไม่ได้รับผลกระทบอะไร

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วปลดล็อกกัญชาออกมา เพราะมีผู้ป่วยที่ใช้กัญชาแต่ไม่ได้รับกัญชาจากแพทย์มากถึง 3.8 ล้านคน การปลดล็อกจากยาเสพติดทำให้ไม่ถูกจำคุกหรือถูกรีดไถ การเอากัญชากลับเป็นยาเสพติด จะทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากกลายเป็นนักโทษ ซึ่งนายพิธาอาจไม่เข้าใจในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เคยมีตัวเลขสำรวจพบว่า ช่วงที่กัญชาเป็นยาเสพติดมีผู้ใช้กัญชานอกการจ่ายยาของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สูงถึงร้อยละ 95 จำนวนนี้มีร้อยละ 83 ใช้นอกข้อบ่งใช้จากประกาศ สธ. มีผู้ป่วยใช้ประโยชน์จากกัญชาได้มากกว่าที่มีการใช้โดยแพทย์ แต่กลับได้ผลดีถึงดีมากในการรักษาถึงร้อยละ 93 ทำให้ผู้ป่วยลดหรือเลิกใช้ยาแผนปัจจุบันได้ร้อยละ 58 ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ควรเป็นนักโทษ

นายปานเทพกล่าวว่า ส่วนกัญชาเป็นยาเสพติดแล้วจะใช้ประโยชน์ได้ง่าย เรียนว่า ตอนเป็นยาเสพติด แพทย์จ่ายยายากมาก เพราะขั้นตอนมากเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงกัญชาของประชาชน และเรื่องต่อมาคือ การลดใช้ยาแผนปัจจุบันถึง 58% ส่งผลกระทบต่อบริษัทยาโดยตรง ย้ำว่าการจะให้แพทย์หรือแพทย์แผนไทยไปนั่งจ่ายยาในร้านขายกัญชาไม่สามารถทำได้ เพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ในสถานพยาบาล ไม่ใช่ร้านขายกัญชา จึงคิดว่าการเดินทางปลดล็อกถูกต้องมาครึ่งทางแล้ว แต่การควบคุมกัญชาไม่จำเป็นต้องเอากลับไปเป็นยาเสพติดที่มีกฎหมายคุมเข้มข้น ยากแก่การเข้าถึง แต่ถ้าใช้กฎหมายควบคุมจัดการคนทำผิดกฎหมายก็จะหาทางออกได้

"กัญชาเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่ ถ้าพรรคก้าวไกลจะดันเรื่องสุราก้าวหน้า เหตุใดจะมีการจัดการกับกัญชาทั้งที่มีสรรพคุณเป็นยามากกว่าสุรา หลักการนี้ย้อนแย้ง ถ้าควบคุมเรื่องสุราเสรีไม่ได้ ก็คงต้องเอาสุราไปเป็นยาเสพติดแล้วคุมด้วย ป.ป.ส. แต่ทำไมถึงทำเรื่องสุราก้าวหน้าได้ ผมคิดว่าคุณพิธารู้แก่ใจว่ากัญชาคืออะไร จึงมีการเสนอให้ใช้สันทนาการในปี 2562 และเสนอให้ไม่เป็นยาเสพติด คุณพิธาควรเลือกหนทางในการพูดความจริงกับประชาชนในความรู้ที่ตัวเองมี ถ้าประชาชนไม่เข้าใจก็ให้ความรู้ที่ถูกต้อง ไม่ใช่ตัวเองรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่กลับเสนอหนทางให้ประชาชนไม่เข้าใจ เพียงเพื่อคะแนนเสียง นั่นเท่ากับการทำให้สิ่งที่คุณพิธาเข้าใจถูกนำเสนอขัดแย้งกับสิ่งที่อยู่ในใจเอง ถ้าคุณพิธาเลือกยืนหยัดให้ความเข้าใจประชาชน จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากในการใช้กัญชา” นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวว่า การนำกัญชากลับเป็นยาเสพติดแต่ให้มีการจำหน่ายได้ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ในการเปิดร้านขายกัญชา ภายใต้เงื่อนไขว่าเป็นร้านขายยาปกติ จะเจออุปสรรคอีกจำนวนมาก ยิ่งบอกว่าจะเปิดพื้นที่สันทนาการได้ ต้องถามว่าได้ถาม ป.ป.ส. แล้วหรือยัง ตนคิดว่านายพิธายังไม่เข้าใจบริบทการเผชิญหน้ากับวงการแพทย์ วงการที่ได้รับประโยชน์หากกัญชาเป็นยาเสพติด

เมื่อถามว่าแม้ยืนยันว่ากัญชาเป็นยาเสพติดแล้วใช้เฉพาะการแพทย์ก็จะกระทบต่อผู้ป่วยที่ใช้กัญชาอยู่ดีหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เมื่อปี 2562 มีการปลดล็อกกัญชาใช้เฉพาะทางการแพทย์ แล้วปี 2564 ศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติดได้รวบรวมข้อมูลระหว่างปี 2563 – 2564 พบว่า คนส่วนใหญ่ใช้กัญชาโดยที่แพทย์ไม่ได้จ่าย ที่มีจำนวนมากพอที่เราต้องมาคิดว่าเขาจะสูญเสียอะไรหากกัญชาเป็นยาเสพติด หรือการใช้กัญชาจากตลาดมืดที่ไม่มีการตรวจสอบอะไรได้ ดังนั้น ถ้าจะเดินซ้ำรอยเดิมอีก ก็แปลว่าไม่ได้ฟังเสียงผู้ป่วย

เมื่อถามเรื่องความกังวลว่าเด็กและเยาวชนจะเข้าถึงได้ จะมีข้อเสนออย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า เหล้าและบุหรี่เป็นสิ่งที่เสพติดง่ายกว่ากัญชา โดยเฉพาะเหล้าที่ติดง่ายกว่าถึง 2 เท่า และไม่มีสรรพคุณทางยาเหมือนกัญชา แต่ทำไมถึงอยู่ในร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้สถานศึกษาและควบคุมเรื่องเด็กและเยาวชนได้ ต่อมาเรื่องการควบคุมกัญชา ยืนยันว่าปัจจุบันมีการควบคุมการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน โดยมีโทษตามประกาศสธ. ดังนั้น สิ่งที่ควรทำในวันนี้คือ เร่งพิจารณา ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ให้จบ เพราะผ่านการพิจารณาจากตัวแทนของพรรคต่างๆ รวมถึงพรรคก้าวไกล ซึ่งมีการกำหนดบทลงโทษที่มากกว่าประกาศสธ. ไม่ใช่การเอากลับไปเป็นยาเสพติดแล้วมีผู้ป่วยเดือดร้อน ทั้งนี้ การกัญชาถูกกลับไปเป็นยาเสพติด ก็จะถูกผูกขาดกับทุนใหญ่ไม่กี่คน ที่มีความสามารถผลิตเป็นยา แล้วคนไทยก็จะเดือดร้อน

ถามต่อว่าหากกลับเป็นยาเสพติด ผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์จากกัญชา จะดำเนินการต่อได้หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เดือดร้อนแน่นอน เพราะทันทีที่ประกาศ กัญชาทั้งต้นจะเป็นยาเสพติด แม้กระทั่งใบที่ผสมในอาหาร เครื่องสำอาง จากที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. ก็ต้องเข้าไปผ่านคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จากที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เป็นการถอยหลังและเป็นเรื่องที่เสียหาย ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย.กว่า 3 พันรายการ ต่างมีความปลอดภัยในการผลิตแล้ว ถ้ากลับเป็นยาเสพติดคนเหล่านี้จะต้องทำลายสวนทิ้ง เลิกจ้างงาน ยกเลิกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ดังนั้น การนำกัญชาเป็นยาเสพติดต้องคิดให้รอบด้าน เพราะกระทบหลายมิติ ไม่ใช่กระทบคนที่เคยสูบกัญชาที่มีเพียง 5 ล้านคน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนผู้บำบัดยาเสพติดจากกัญชาลดลงเหลือ 4 พันราย เมื่อเทียบกับยาบ้าที่มีมากกว่าแสนราย

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า จริงๆ แล้วทั้งเรื่องกัญชาและบุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มกุมารแพทย์ไม่ได้เห็นด้วยทั้งคู่ ที่ผ่านมาเห็นด้วยกับเรื่องกัญชาทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการรักษาบรรเทาอาการปวด แต่รัฐบาลเก่าหรือตัวรัฐมนตรีว่ากากรระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในขณะนั้นแม้บอกว่าทางการแพทย์ แต่ในทางปฏิบัติกลับมีเรื่องอื่นมาด้วย การกำหนดค่า THC ออกมา ก็เพื่อสนับสนุนในรูปแบบผลิตภัณฑ์อื่น หรือแม้แต่ขนมที่ผสมกัญชาหรือร้านกัญชาเกิดขึ้น แต่การออกกฎหมายมาบังคับใช้ก็สับสนไม่ชัดเจน เช่น ห้ามหญิงตั้งครรภ์ใช้ผลิตภัณฑ์หรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ทำไมไม่ห้ามแบบเด็ดขาดไปเลยว่า ห้ามมีส่วนผสมของกัญชาในอาหารปรุงเองในแบบครัวเรือนหรือร้านอาหาร เพราะในความเป็นจริงอาหารแบบนี้ควบคุมได้ยาก ไม่เหมือนการควบคุมอาหารในเชิงอุตสาหกรรม มีแบรนด์ที่ต้องกำหนดสัดส่วนชัดเจน และจำหน่ายภายใต้การกำกับดูแลของ อย.

ส่วนข้อกังวลเรื่องภาคธุรกิจที่ลงทุนกัญชาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของร้านกัญชาหรือธุรกิจอื่น เชื่อว่าธุรกิจมีความยืดหยุ่น และผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ การปลูกกัญชาเพื่อทางการแพทย์ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า เพราะยาระงับปวดจากการกัญชาให้ผลดี อย่างการรักษามะเร็งหลังโพรงจมูก ส่วนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าขอย้ำว่า มีสารนิโคตินเป็นอันตราย ใครๆ ก็เข้าใจกันมานาน แต่ทุกวันนี้มีการลักลอบจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่าย สารพิษจากบุหรี่ไม่ได้มีส่วนไหนเป็นประโยชน์กับร่างกายเลย ไม่ว่าจะมาใช้ในเด็กหรือผู้ใหญ่ การทำการตลาดของบุหรี่ก็มีความเปลี่ยนแปลง โดยใช้ข้อมูลและข้อจำกัดเรื่องเสรีภาพทางการตลาดเข้ามาตรงนี้ไม่ถูกต้อง จะมาให้ผู้บริโภคเลือกว่า จะเลือกใช้บุหรี่แบบไหน เพราะสิ่งที่ใช้ไม่มีประโยชน์และอันตรายทั้งคู่ เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า จึงไม่ใช่เรื่องเสรีภาพของผู้ซื้อ แต่ไม่คิดตรงกันข้ามว่า เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เสรีภาพของผู้ขายเช่นกัน เพราะเป็นสินค้าที่มีอันตราย การแก้กฎหมายของรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในรัฐบาลก่อน ก็พอกับรัฐมนตรี สธ.เช่นกัน

ด้าน ตุ๊กแก ลายเทียน หรือ นายทิมากร ไชยบุญ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มลายเทียน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า กลุ่มมีการรวมตัวทำผ้าบาติกมาตั้งแต่ปี 2545 กระทั่งเมื่อช่วง มิ.ย.2565 มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด จึงมีการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน ขออนุญาตดำเนินการเรื่องกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย โดยสมาชิก 7 คนมีรวมหุ้นกันคนละ 5 หมื่น - 1 แสนบาท ทำให้มีการลงทุนไปเกือบ 1 ล้าน ทั้งการจัดทำโรงเรือนปลูกที่ได้มาตรฐานของรัฐ ปัจจุบันมีการนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ยาหม่อง น้ำมันเขียว และน้ำมันหยดใต้ลิ้น ส่วนใหญ่จำหน่ายในชุมชน ที่ผ่านมาไม่ถึง 1 ปียังอยู่ในระยะเริ่มจะตั้งหลักได้ แต่รัฐก็จะนำกลับไปเป็นยาเสพติด

“ถ้าแนวทางของรัฐบาลใหม่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดก็ไม่ได้ติดขัด กลุ่มก็เลิกปลูก เลิกทำผลิตภัณฑ์กัญชา แต่รัฐจะต้องมีการชดเชยเงินตามจริงให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ลงทุนไปกับเรื่องกัญชา และหากนำกลับไปเป็นยาเสพติดและให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น สำหรับกลุ่มที่ยังปลูกต่อ รัฐก็ไม่ควรกำหนดแบบเดิมว่าให้คนปลูกคืนช่อดอกให้กับรัฐ แล้วให้คนปลูกใช้ได้แต่ส่วนอื่น เพราะการที่จะทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องใช้ส่วนผสมที่เป็นช่อดอกจึงจะมีสรรพคุณของสารต่างๆ” นายทิมากรกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น