ไทยผลิตรากฟันเทียมเองได้เป็นประเทศที่ 2 ในเอเชีย ถัดจากเกาหลีใต้ ดันเข้า "บัตรทอง" ช่วยลดนำเข้า ราคาถูกกว่า 10 เท่า จาก 4-5 หมื่นบาทต่อชิ้น เหลือ 3 พันบาท เพิ่มสูงวัยเข้าถึงรักษารากฟัน ลดเหลื่อมล้ำ ใช้กับผู้ป่วยแล้ว 5 หมื่นคน เผยผลิตได้ 1 แสนชิ้น/ปี บางส่วนส่งออก
เมื่อวันที่ 20 พ.ค. นายวรวุฒิ กุลแกล้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียถัดจากเกาหลัใต้ ที่ผลิตรากฟันเทียมที่ได้มาตรฐาน โดย สปสช.บรรจุในชุดสิทธิประโยชน์บัตรทอง ช่วยผู้สูงอายุเข้าถึงมากขึ้นในการรักษารากฟันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสุขภาพ เพราะที่ผ่านมาการรักษารากฟันเทียม จะอยู่ในกลุ่มคนที่มีกำลังจ่าย เพราะราคาค่ารักษาค่อนข้างแพง ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ ราคาสูงถึงชิ้นละประมาณ 4-5 หมื่นบาท แต่รากฟันเทียมที่ผลิตได้เองมีราคาถูกลงเหลือเพียงชิ้นละ 3,000 บาทเท่านั้น จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายนำเข้ารากฟันเทียม
"ทั้งหมดเกิดจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2548 ที่ทรงห่วงใยราษฎร และมีพระประสงค์ให้ผู้สูงอายุได้มีสุขภาพช่องปากที่ดี โดยเฉพาะการได้รับรากฟันเทียมอย่างเท่าเทียม จึงเกิดการวิจัยเพื่อผลิตรากฟันเทียมขึ้นในประเทศ โดยนักวิจัยมูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ ร่วมกับ 3 คณะทันตแพทยศาสตร์ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.มหิดล และ ม.เชียงใหม่ มีการทดลองทางคลินิก และขอรับรองมาตรฐานสากลจากทุกองค์กรด้านทันตกรรมต่างๆ ทั่วโลก" นายวรวุฒิกล่าว
นายวรวุฒิ กล่าวว่า รากฟันเทียมฝีมือคนไทย ปัจจุบันชื่อรุ่นว่า PRK ย่อมาจากคำว่า พระรามเก้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดริเริ่มโครงการ โดยโรงงานผลิตอยู่ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม สามารถผลิตรากฟันเทียมได้ปีละ 1 แสนชิ้น ส่วนใหญ่นำมาใช้กับผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องได้รับการรักษารากฟันเทียมตามสิทธิบัตรทองใน รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อีกส่วนจะมีตัวแทนจำหน่ายให้กับคลินิกทันตกรรมภาคเอกชน และบางส่วนจะจำหน่ายให้กับต่างประเทศ ในรูปแบบโครงการต่างๆ ทีร่วมมือกันระหว่างรัฐ ปัจจุบันรากฟันเทียมฝีมือคนไทยถูกนำไปใช้กับผู้ป่วยแล้วกว่า 5 หมื่นคน หรือคิดเป็นประมาณกว่า 1 แสนชิ้นผ่านโครงการต่างๆ ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา