xs
xsm
sm
md
lg

สธ.รับมอบวัคซีนไฟเซอร์จาก "อิตาลี" 7 ล้านโดส เล็งให้ชนิดโปรตีนฯ เพิ่ม ย้ำเปิดเทอมยังเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"อนุทิน" รับมอบวัคซีนไฟเซอร์ไบวาเลนท์จาก "อิตาลี" 7 ล้านโดส ชี้จำนวนมากสุดที่บริจาค เผยไทยมีวัคซีนโควิดรวม 20 ล้านโดส เพียงพอฉีดกระตุ้นประจำปีคู่ไข้หวัดใหญ่ แย้มอิตาลีเล็งมอบวัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิตให้เพิ่ม ย้ำเปิดเทอมยังเสี่ยง ขอพ่อแม่พาบุตรหลานมาฉีดวัคซีน กรมควบคุมโรคเผยฉีดวัคซีนคู่หลายหมื่นโดสยังไม่มีรายงานผลข้างเคียง

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบวัคซีนโควิด 19 ไฟเซอร์ชนิดไบวาเลนท์ จากนายเปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย ว่า รัฐบาลอิตาลีได้มอบวัคซีนไฟเซอร์ไบวาเลนท์ให้รัฐบาลไทย 7 ล้านโดส ถือเป็นจำนวนมากที่สุด และเป็นระยะเวลาเหมาะสมที่ไทยกำลังเร่งรณรงค์ให้ประชาชนฉีดเข็มกระตุ้นประจำปี การได้รับวัคซีนมาเพิ่มจะทำให้เกิดความมั่นคงทางวัคซีน เพิ่มประสิทธิภาพเสริมภูมิคุ้มกันให้กับคนไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในไทย ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตอิตาลีฯ ยังแจ้งด้วยวาจาว่า รัฐบาลอิตาลีมีเจตนารมณ์จะมอบวัคซีนโควิด 19 ชนิดโปรตีนซับยูนิตให้กับรัฐบาลไทยเพิ่มเติมด้วย โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ แสดงถึงน้ำใจที่ยิ่งใหญ่จากมิตรประเทศที่ดี ซึ่งไทยและอิตาลีมีความสัมพันธ์ทางการทูตมากกว่า 150 ปี


นายอนุทิน กล่าวว่า จำนวนวัคซีนโควิดทั้งจากที่จัดซื้อและรับบริจาค ขณะนี้มีอยู่กว่า 20 ล้านโดส เพียงพอต่อการฉีดเป็นเข็มกระตุ้นให้ประชาชนได้ครอบคลุมเพียงพอ ไม่ต้องจัดซื้อเพิ่มในปีนี้ จึงเชิญชวนให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเข้ามารับวัคซีน โดยสามารถรับควบคู่กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ส่วนช่วงนี้ใกล้เปิดภาคเรียนขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมารับวัคซีนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป แม้ว่าเด็กจะแข็งแรงกว่าผู้ใหญ่ แต่เรายังต้องอยู่กับโควิด แม้ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินของโรคโควิด 19 แต่เชื้อโควิดจะเป็นเหมือนไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ที่ยังต้องพึงระวัง หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็อาจจะยังจำเป็นต้องใส่หน้ากาก

ด้านนายเปาโล กล่าวว่า ไทยและอิตาลีมีความสัมพันธ์ทางการทูตมานานถึง 155 ปี เป็นมิตรภาพที่ยาวนานต่อเนื่อง แม้ WHO ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินของโควิด แต่เชื้อโควิดก็ถือว่ายังอันตราย และวัคซีนเป็นทางที่ดีในการป้องกัน การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังจำเป็น ประชากรอิตาลีฉีดวัคซีนมากกว่า 3 เข็มครอบคลุมกว่า 80% สำหรับวัคซีนโควิดชนิดโปรตีนซับยูนิตอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย อนาคตก็จะมีความร่วมมือกับไทยต่อไป

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังจากเริ่มรณรงค์การฉีดวัคซีนคู่ “ไข้หวัดใหญ่-โควิด” ในกลุ่มเสี่ยง ผ่านไปไม่ถึง 10 วัน ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลตัวเลขอยู่ แต่ดูจากอัตราฉีดหลายหมื่นโดสแล้ว และยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงใดๆ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละสัปดาห์ฉีดวัคซีนโควิด ประมาณ 7-8 หมื่นโดส ซึ่งที่ผ่านมารวม 2 เข็มก็น่าจะประมาณกว่า 7 หมื่นโดสแล้ว เพราะจะเน้นกลุ่มเสี่ยงที่เข้ามาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ถูกนัดคิวมาก่อนแล้ว และเมื่อมาถึงก็ฉีดวัคซีนโควิดร่วมด้วย ซึ่งผลการดำเนินการก็ถือว่าเป็นไปด้วยดี ยังไม่มีรายงานใดๆ สิ่งสำคัญขอให้กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้สูงอายุเข้ามาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ คู่กับวัคซีนโควิด เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้






กำลังโหลดความคิดเห็น