xs
xsm
sm
md
lg

"หมอประกิต" แนะพรรคการเมืองแก้ปัญหา "ชาวไร่ยาสูบ" รายได้หด 5 ปี หนุนปลูกพืชทดแทน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอประกิต” เสนอพรรคการเมืองแก้ปัญหา "ชาวไร่ยาสูบ" ปลูกพืชทดแทนแบบ "มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์" หลังเครือข่ายชาวไร่ยาสูบยื่นขอให้กำหนดนโยบายมาตรการ เผยประสบความสำเร็จ สร้างรายได้มั่นคงกว่าเดิม ชี้ทั่วโลกสูบบุหรี่ลดลง กระทบรายได้ชาวไร่ยาสูบถ้วนหน้า

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบไทย ขอให้พรรคการเมืองต่างๆ กำหนดนโยบาย มาตรการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนจากรายได้การปลูกใบยาสูบลดลง ว่า ชาวไร่ยาสูบไทยประสบปัญหาความเดือดร้อนมาหลายปี จากการที่การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ลดโควตาการซื้อใบยาจากชาวไร่ยาสูบลงติดต่อกัน 5 ปี ตามที่เปิดเผยโดยตัวแทนชาวไร่ยาสูบ ที่ระบุสาเหตุว่ามาจากการปรับโครงสร้างภาษี ทำให้บุหรี่ของ ยสท. ถูกบุหรี่ต่างประเทศแย่งส่วนแบ่งการตลาด ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ประกอบกับปัญหาบุหรี่เถื่อน และผลิตภัณฑ์บุหรี่ชนิดใหม่โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบที่ถูกลดโควตาด้วยการให้เงินชดเชย อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้เกิดขึ้นกับชาวไร่ยาสูบในประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า ปริมาณต้องการใบยาสูบโดยรวมของโลกลดลง 20% ระหว่าง ปี 2013-2018 เพราะทั่วโลกมีการสูบบุหรี่ลดลง ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้นิโคตินสังเคราะห์แทนนิโคตินที่สกัดจากใบยา

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า มีตัวอย่างประเทศที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับไทยคือ มาเลเซียรัฐบาลช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบตั้งแต่ปี 2010-2012 ทำโครงการปลูกพืชตระกูลปอ (Kenaf) ทดแทนครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การแปรรูปเป็นวัสดุทางอุตสาหกรรม ขึ้นภาษียาสูบและนำภาษีที่เก็บได้มาสนับสนุนชาวไร่ยาสูบ 23,000 ครัวเรือน ล่าสุดมีชาวไร่ยาสูบเหลือเพียง 100 ครัวเรือน เช่นเดียวกับ ฟิลิปปินส์ มีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติมาตั้งฐานผลิตบุหรี่ขายทั้งในฟิลิปปินส์และส่งออกทั่วอาเซียน โดยมีการประกาศใช้กฎหมายภาษีบาป เก็บภาษีเพิ่มจากสุราและยาสูบ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และปัจจุบันมีการขึ้นภาษีทุกปี พร้อมกำหนดให้นำเงินภาษี 5% แต่ไม่เกิน 4 พันล้านเปโซต่อปี ราว 2,400 ล้านบาท จัดสรรให้จังหวัดที่ปลูกพืชยาสูบ เพื่อใช้สนับสนุนการปลูกพืชทดแทน และการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนอาชีพของชาวไร่ยาสูบ และสนับสนุนประกันสุขภาพคนจนทั่วประเทศ

“กรณีศึกษาทั้ง 2 ประเทศนี้ สำนักเลขานุการอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก นำไปเป็นตัวอย่างให้แก่สมาชิกประเทศช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบตามข้อกำหนดข้อ 17-18 ว่าด้วยการแก้ปัญหาชาวไร่ยาสูบให้ออกจากอาชีพทำไร่ยาสูบ ที่นับวันอาชีพชาวไร่ยาสูบจึงนับวันจะอยู่ยากลำบากยิ่งขึ้น เพราะคนสูบบุหรี่ลดลง ยากที่จะคงสภาพความมั่นคงของอาชีพนี้ไว้ได้ หวังว่าพรรคการเมืองต่างๆ ของไทยจะพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบอย่างเป็นระบบต่อเนื่องอย่างจริงจัง ตามที่มีหลายประเทศทำสำเร็จมาแล้ว ซึ่งประเด็นรณรงค์วันไม่สูบบุหรี่โลกปีนี้ กำหนดโดยองค์การอนามัยโลกคือ “Grow foods, not tobacco” หรือ “ปลูกพืชที่เป็นอาหาร ไม่ใช่ยาสูบ” ผมยินดีสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาให้ชาวไร่ยาสูบมีอาชีพมั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสุขภาพดี” ศ.นพ.ประกิต กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น