ปลัด สธ.ห่วง "คนเมือง" เข้าถึงบริการสุขภาพลดลง หลังสภาพสังคมเปลี่ยน สั่งสำนักระบบสุขภาพปฐมภูมิ ร่วมกับ รพ.เฉลิมพระเกียรติ 3 กลุ่ม พัฒนาการเข้าถึงสุขภาพปฐมภูมิในเขตเมือง หลังมีประสบการณ์ช่วยคนชนบทเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างดี เชื่อมโยงข้อมูลเทคโนโลยีดิจิทัล
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังหารือแนวทางการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ กลุ่มโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ว่า สธ.พัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 เป็นกลไกสำคัญทำให้เกิดความมั่นคงด้านสุขภาพในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่ม รพ.เฉลิมพระเกียรติที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การดูแลประชาชนในถิ่นทุรกันดารห่างไกล มีปัญหาการเข้าถึงระบบสาธารณสุข ให้เข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้นและสะดวกขึ้น แต่จากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เขตชนบทมีความเป็นเมืองมากขึ้น คนในชนบทเข้าถึงบริการสุขภาพสะดวกขึ้น แต่เขตเมืองกลับเข้าถึงบริการสุขภาพได้ลดลง จึงมอบให้สำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ ประสานความร่วมมือกับเครือข่าย รพ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อปรับแนวทางการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นพ.โอภาสกล่าวว่า กลุ่ม รพ.เฉลิมพระเกียรติทั่วประเทศ ประกอบด้วย รพ.สมเด็จพระยุพราช 21 แห่ง รพ.ชุมชนเฉลิมพระเกียรติ 11 แห่ง และ รพ.ชัยพัฒน์ 5 แห่ง ถือเป็น รพ.ที่มีศักยภาพและประสบการณ์ในการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิในทุกมิติ เช่น ลดแออัด ลดรอคอย ให้บริการตามนโยบาย 3 หมอ และ Telemedicine เป็นต้น มีการทำงานร่วมกับชุมชน ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น จึงให้เป็นหน่วยนำร่องในการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงในระบบปฐมภูมิ เช่น จัดตั้งคณะกรรมการอย่างเป็นรูปธรรม จัดทำยุทธศาสตร์ แบ่งปันทรัพยากรร่วมกัน เชื่อมโยงข้อมูลและเครือข่ายอย่างเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม หารือผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ รวมถึงการกำหนดนิยามปฐมภูมิในบริบทสังคมยุคใหม่ ให้ประชาชนในเขตเมืองเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้สะดวกมากขึ้น และเป็นต้นแบบให้กับสถานบริการปฐมภูมิอื่นๆ ในการพัฒนาระบบบริการให้เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ต่อไป