กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้ประกาศกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม มีข้อห้ามชัดเจนไม่ให้จําหน่ายจ่ายแจกแก่เด็กและเยาวชนฯ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำคุกปละปรับ หากปลูกไว้เสพเอง พ่อแม่ต้องช่วยดูแลเหมือนบุหรี่เหล้า ย้ำจุดประสงค์หลักการใช้กัญชาให้ประชาชนเข้าถึงได้และใช้อย่างถูกต้องเพื่อรักษาสุขภาพ
เมื่อวันที่ 26 เม.ย.นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามสื่อสังคมออนไลน์ จะพบภาพของเด็กและเยาวชนสูบกัญชา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์เหล่านี้ และขอชี้แจงให้ทราบว่า การสูบกัญชาหรือการจําหน่าย ขาย แจก แลกเปลี่ยนกัญชาแก่เด็ก และเยาวชน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ถือเป็นการจําหน่ายสมุนไพรควบคุม คือกัญชา โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษอาญาถึงขั้นจําคุก ตามประกาศ “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565” ข้อ 1.3 กําหนดชัดในเรื่อง ห้ามจําหน่ายแก่เด็กและเยาวชนที่อายุต่ํากว่า 20 ปี ซึ่งการจําหน่ายหมายความรวมถึงการขาย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยน
การกํากับดูแลในประเด็นนี้ จะเห็นว่า เยาวชน หรือเด็กนั้นนํากัญชามาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมได้ 2 ทาง ทางที่ 1 คือได้รับการจําหน่ายจ่ายแจกมา ตามข้อนี้ กฎหมายสามารถเอาผิดกับผู้ที่จําหน่ายจ่ายแจกกัญชาให้เยาวชนได้ตามมาตรา 78 ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ หรือทั้งจําทั้งปรับ
ทางที่ 2 เยาวชน หรือเด็กปลูกกัญชาเพื่อไว้เสพ กรณีนี้ผู้ปกครองที่ต้องดูแลบุตรหลานต้องมีการควบคุมดูแล เช่นเดียวกับ การห้ามสูบบุหรี่ หรือดื่มสุรา ผู้ปกครอง หรือผู้ใกล้ชิด จึงมีบทบาทที่ต้องเข้ามาเฝ้าระวัง และให้แนวทางที่ถูกต้องแก่เยาวชน
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ตัวบทกฎหมายที่ออกมานอกจากห้ามจําหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ํากว่า 20 ปีแล้ว ยังห้ามจําหน่ายแก่สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร ห้ามจําหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือ นักศึกษา ห้ามสูบกัญชาในสถานประกอบการ ห้ามจําหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจําหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สําหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น
นายแพทย์เทวัญ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุข มีจุดประสงค์หลักคือ ต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาและใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมทางการแพทย์ ที่สําคัญต้องดําเนินการควบคู่ไปพร้อมกับการควบคุมเพื่อการคุ้มครองบุคคล และ สังคม เพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภคกัญชา และป้องกันการใช้ในทางที่ผิด กัญชาถือเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าควรแก่การคุ้มครองไม่ให้ถูกนําไปใช้ในทางที่ผิดจนเกิดความเสียหายกับคุณค่าของสมุนไพร หากพิจารณาถึงผลจากการสร้างคุณค่า ของห่วงโซ่การผลิตกัญชา ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน คือ ประชาชนจะได้มีโอกาสทางด้านการรักษา การเข้าถึงการใช้ยา การใช้กัญชาในชุมชน
“จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ได้ดําเนินการนโยบายกัญชาที่ส่งผลสําคัญต่อคนหลายกลุ่ม โดยยึดมั่นในการขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์ และ คํานึงถึงความปลอดภัยของเด็ก เยาวชน และสังคม โดยย้ำชัดเจนผู้ใช้ ผู้ป่วย ผู้บริโภค ต้องเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งต้องใช้กัญชาเพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง ในแง่นี้คือการเปิดให้ประชาชนได้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างทางเลือกในการดูแลรักษาสุขภาพแก่กลุ่มผู้ป่วยที่มีความจําเป็นต้องใช้ ยากัญชา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้กัญชานั่นเอง” นายแพทย์เทวัญกล่าวทิ้งท้าย