ปลัด สธ.ย้ำอย่ากังวลตัวเลขติดเชื้อ "โควิด" มากเกินไป หลังตัวเลขเพิ่มขึ้นหลักพันราย ชี้ช่วงระบาดหนักเคยติดวันละเป็นหมื่น ย้ำยังใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่ให้ระมัดระวัง เน้นติดตามตัวเลขป่วยหนักและเสียชีวิต ผู้เชี่ยวชาญชี้ "โควิด" คล้าย "ไข้หวัดใหญ่" กลายพันธุ์เหมือนกัน ระบาดช่วงเดียวกัน ต้องฉีดวัคซีนป้องกันพร้อมกัน ปลอดภัย ผลข้างเคียงไม่มากไปกว่าฉีดเข็มเดียว ย้ำเปิดเทอมเด็กป่วยไข้หวัด ให้หยุดเรียนไม่ว่าเป็นโรคใด พร้อมจับตา "มือ เท้า ปาก" ร่วมด้วย
เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มมากขึ้นเป็นหลักพัน ว่า อย่ากังวลจำนวนผู้ติดเชื้อ เพราะเราไม่ได้ตรวจผู้ติดเชื้อทุกคน ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก แต่เราให้ความสำคัญกับผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิต โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 5 รายในรอบ 7 วัน เฉลี่ยไม่ถึงวันละ 1 ราย ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนตามที่กำหนด ก็ขอให้มารับวัคซีน อย่าไปกังวลว่าจะติดเชื้อ 2-3 พันคน ก็ช่วงระบาดหนักเคยติดเชื้อมาเป็นหลายหมื่นคนต่อวัน จึงขอว่าอย่ากังวลกับสถานการณ์มากจนเกินไป สธ.จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กทม. มหาวิทยาลัย ติดตามสถานการณ์ผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต ผู้มีอาการหนักและสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง อย่ากังวลจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน เคยทำงานอย่างไร เด็กจะเปิดเทอมอย่างไร ก็ทำได้อย่างปกติ แต่ให้ระมัดระวัง หากมีอาการสงสัยก็ตรวจ ATK มีการจำหน่าย มีอาการทางเดินหายใจก็ใส่หน้ากากอนามัย ช่วยลดได้หลายโรคไม่เฉพาะโควิด มีข้อสงสัยก็เข้าปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน
ด้าน นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สธ. กล่าวว่า โรคโควิด 19 เริ่มคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่เข้าไปทุกที ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่มีมาเป็นร้อยปีและไม่หายไปไหน เพราะมีการกลายพันธุ์จึงต้องต่อสู้กับมันตลอดไป โคิวดก็เช่นกันเมื่อเชื้อกลายพันธุ์ก็ต้องต่อสู้ต่อ โดยเชื้อทั้ง 2 ชนิดมีวัคซีนและยารักษาทั้งคู่ มาใกล้เคียงกันทั้งคู่ คือ ระบาดช่วงหน้าฝน เพราะมีความชื้นสูง ไม่ร้อนมาก ตัวการสำคัญที่สุดในการแพร่ คือ เด็กนักเรียนที่เปิดเทอม เมื่อติดก็นำมาแพร่เชื้อเข้าสู่ครอบครัว ปีนี้ถือเป็นสโลแกนที่เราควรจะต้องป้องกันทั้งคู่ในเวลาพร้อมกัน คือ ฉีดวัคซีนโควิดและไข้หวัดใหญ่พร้อมกัน ซึ่งมีการศึกษาในสหรัฐฯ และยุโรปหลายประเทศแล้วว่าปลอดภัย ผลข้างเคียงเท่าที่มีการติดตามก็ไม่มากไปกว่าการฉีดเข็มใดเข็มหนึ่ง ก็ควรจะฉีดพร้อมกัน โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีเวลา อย่างผู้ผู้สูงอายุ การพาออกจากบ้านมาฉีดวัคซีนไม่ใช่เรื่องง่าย ก็ควรจะให้เสร็จภายในวันเดียวกัน ตอนนี้ก็มีวัคซีนที่พร้อมแล้วทั้งคู่ต้องป้องกันทั้งคู่
"ก่อนช่วงสงกรานต์ ผู้ป่วยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่มาด้วยเรื่องไข้หวัด มีการศึกษาพบว่า เป็นโควิด 3% กว่าๆแต่เป็นไข้หวัดใหญ่ถึงเกือบ 15% หลังสงกรานต์ขณะนี้เชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโรงเรียนจะใกล้เปิดเทอม และโควิดก็กำลังมากขึ้น คาดว่าถึง 10% แล้ว เพราะมีการกลายพันธุ์เป็นพันธุ์ใหม่ซึ่งแพร่เร็ว แต่ความรุนแรงไม่มากยังเหมือนเดิม เพราะเรามีเสื้อเกราะคือวัคซีน และอีกชั้นคือหน้ากาก" นพ.ทวีกล่าว
นพ.ทวีกล่าวว่า ส่วนกรณีอาการตาแดงนั้น เชื้อไวรัสทางเดินหายใจมีโอกาสทำให้เกิดอาการทางตาอยู่แล้ว แต่เล็กน้อย ส่วนที่อินเดียพบว่า มีคนไข้ของเชื้อตัวใหม่ XBB.1.16 มีอาการทางตาด้วย ทางการแพทย์ก็กำลังจับตามองว่าจริงหรือไม่ ตอนนี้มีการแนะนำให้แพทย์ว่า เจอผู้ป่วยที่ตาแดงตาแฉะขอให้ตรวจ ATK ว่าเป็นหรือไม่ ช่วงสัปดาห์ที่แล้วตนเจอผู้ป่วยเด็ก 2 คนตาแฉะเป็นพี่น้อง แต่ตรวจไม่เจอโควิด ขณะนี้มีแพทย์บางคนส่งข้อมูลเข้ามาว่าเจอผู้ป่วยตาแฉะเป็นผู้ใหญ่ ตรวจโควิดพบว่าเป็น ตอนนี้อาจจะเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะมีโควิดแล้วทำให้มีตาแดงตาแฉะได้
นพ.ทวีกล่าวว่า ส่วนการแยกโรคต่างๆ ในช่วงเปิดเทอม ทางการแพทย์แนะนำอยู่แล้วว่า ถ้าเด็กมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ไม่ว่าจะเป็นเชื้ออะไรก็ให้นอนอยู่บ้าน เพราะสามารถนำมาติดต่อเพื่อนได้ทั้งหมด และเพื่อนก็สามารถติดและเอาเข้าไปสู่ครอบครัว เป็นวงจรของการระบาดของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจ จะเริ่มจากเด็กป่วยเล่นกันและก็เข้าครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุเป็นอันตราย ส่วนการจัดการเรียนการสอน เชื่อว่าเหมือนจับปูใส่กระด้ง การจะแยกกลุ่มเด็กก็เป็นเรื่องยาก เพราะเป็นเรื่องพฤติกรรม เด็กชอบวิ่งเล่นกัน และไม่สวมหน้ากาก ดังนั้น ต้องเน้นที่การรับวัคซีน ซึ่งก็สามารถรับได้พร้อมกันทั้งโควิดและไข้หวัดใหญ่ โดยการฉีดวัคซีนโควิดประจำปี คนทั่วไปให้ฉีดห่างจากเข็มสุดท้ายหรือหลังป่วยมาแล่ว 6 เดือน แต่ผู้ที่ภูมิต้านทานอ่อนแอมาก เช่น อายุ 80 ปี ป่วยโรคปอด โรคหัวใจ HIV กินยากดภูมิ รับยาคีโม อาจร่นลงมาเหลือ 4 เดือน โดยช่วงบ่ายวันที่ 25 เม.ย. มีการประชุมของคณะกรรมการวิชาการ เพื่อทบทวนและสื่อสารทำให้ง่ายขึ้นในการเอาไปปฏิบัติ
ถามถึงกรณีบางปีช่วงเปิดเทอมจะมีโรคมือ เท้า ปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัสด้วย ปีนี้ต้องเฝ้าระวังไปพร้อมกับโควิดและไข้หวัดใหญ่ด้วยหรือไม่ นพ.ทวีกล่าวว่า เราต้องตามเรื่องเชื้อนี้อยู่แล้ว เพราะกลุ่มเชื้อเอนเทอโรไวรัสมือ เท้า ปาก ตัวที่อาจจะอันตรายได้คือ EV71 แต่เชื้อ EV71 ของปีที่แล้วของไทยยังไม่เยอะเท่าไร ค่อนข้างน้อยมก ก้ยงัต้องตามเรื่องเชื้อต่อไป เพราะทำให้เจ็บป่วยเยอะ เนื่องจากติดง่ายมากในเด็กเล็ก