เครือข่ายแพทย์ฯ ร่อนจมเปิดผนึก ถึงคนวงการสุขภาพ ตีแผ่ปลดล็อก "กัญชา" เพิ่มปัญหาเสพติดมั่วสุม ขอเลือกตั้งร่วมชี้ขาดปิดผนึกหรือไปต่อ เพื่อปกป้องเยาวชน
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด ลงรายชื่อ 45 รายชื่อ ทำจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 7 แพทย์และบุคลาการสาธารณสุขทั่วประเทศ ขอให้ร่วมรณรงค์ 1 เสียง เลือกตั้งเพื่อปกป้องเยาวชนจากภัยนโยบายกัญชาเสรี โดยใจความสรุปว่า แพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทราบดีว่า ตั้งแต่ปี 2562 สมัย ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นรมว.สาธารณสุข ที่ให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ ภายใต้การดูแลของแพทย์ (ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย) เท่านั้น แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กลับลงนามในประกาศให้ทุกส่วนของกัญชาไม่เป็นยาเสพติด เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 ต่อมา มีการปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดด้วยประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 นับจากนั้นก็มีผู้ได้รับผลกระทบจากกัญชาจำนวนมาก ทั้งได้รับโดยไม่รู้ตัว เสพติดมั่วสุม
ทั้งนี้การปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดนั้น เป็นการฝ่าฝืนมติคณะกรรมการ ป.ป.ส. ที่กำหนดให้รอ 120วัน เพื่อให้มีกฎหมายกัญชาออกมาควบคุมก่อน และให้เลื่อนการปลดกัญชาเสรีออกไปได้หากยังไม่มีกฎหมายกัญชามาควบคุม และการปลดล็อคดังกล่าวเป็นการกระทำผิดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยยาเสพติด อาจเป็นเหตุให้ประเทศไทยถูกระงับการนำเข้ายาแก้ปวดประเภทมอร์ฟีนได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศเสียหายโดยหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ ส่วนการกำหนดให้ดอกกัญชาซึ่งมี THC เฉลี่ย 10-12% ไม่เป็นยาเสพติด แต่กำหนดให้สารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% เป็นยาเสพติด เป็นนโยบายที่ย้อนแย้งและขาดเหตุผลโดยสิ้นเชิง
นโยบายกัญชาเสรีทำให้บทบาทของกระทรวงสาธารณสุขผิดเพี้ยนไป จากบทบาทผู้ควบคุมกัญชา ไปเป็นบทบาทผู้ส่งเสริมกัญชา ทั้งๆ ที่การส่งเสริมเศรษฐกิจควรเป็นกระทรวงอุตสาหกรรมหรือกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นจึงทำให้ประเทศเสียหายมากเนื่องจากไม่มีผู้ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ทราบดีว่าข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขจำนวนมากมีความอึดอัดกับนโยบายกัญชาเสรีนี้ แต่ไม่สามารถพูดความจริงได้ เพราะเกรงว่าจะกระทบกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ดังนั้น ขณะนี้ใกล้เลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 14 พ.ค.2566 ซึ่งจะมีผลต่อการเดินหน้านโยบายกัญชาเสรีในประเทศไทยว่าจะไปต่อหรือไม่ เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน จึงขอพี่น้องบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศ ช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับบุคคลที่ท่านรู้จัก ให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายกัญชาเสรี เพื่อร่วมรณรงค์ “1 เสียงเพื่อเยาวชน”