กรมควบคุมโรค เผยหลังสงกรานต์ 1 สัปดาห์ ป่วย "โควิด" เพิ่มขึ้น 2 เท่า ล่าสุดเป็น 1,088 ราย ตาย 5 ราย พบ 4 รายเป็นหลุ่ม 608 ไม่ได้วัคซีนเลย ส่วนคนงานเมียนมาดับพบมีปอดอักเสบ ไม่ได้รักษา ไม่ได้ฉีดวัคซีน เร่งสอบสวนรายละเอียด แจงสายพันธุ์ XBB.1.16 อาการเหมือนโอมิครอนตัวอื่น อาการ "ตาแดง" พบได้บ้าง สายพันธุ์อื่นในอดีตก็เจอ
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์ 1 สัปดาห์ ว่า จากระบบรายงานสัปดาห์ที่ 16 คือวันที่ 16-22 เม.ย. 2566 พบว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด 19 ที่เข้ารักษาใน รพ. เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,088 ราย หรือประมาณ 2 เท่ากว่าๆ มีผู้เสียชีวิตอีก 5 ราย ส่วนใหญ่หรือ 4 รายพบว่าเป็นกลุ่ม 608 ผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย อีกรายหนึ่งฉีดกระตุ้นไปนานแล้ว ดังนั้น ก็ตรงกับที่คาดการณ์ว่าหลังเทศกาลที่มีการเดินทางไปมาหาสู่แะลมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ก็คงมีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย จึงอยากเชิญชวนให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งคิดว่าจะเริ่มฉีดเป็นรอบพร้อมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดือน พ.ค. โดยเตรียมวัคซีนทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและชนิด 2 สายพันธุ์ สามารถไปรับที่สถานพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน
ถามถึงกรณีข่าวคนงานเมียนมาที่เสียชีวิตและพบผลตรวจ ATK 2 ขีด อาจเป็น XBB.1.16 ผลตรวจสอบเป็นอย่างไรอ นพ.ธเรศกล่าวว่า เราได้ข้อมูลเบื้องต้นจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ ว่ามีลักษณะของปอดอักเสบ มีติดเชื้อแน่นอน แต่กำลังสอบสวนรายละเอียดว่า ผู้ป่วยดูเหมือนจะไม่ได้รับการรักษาเลย และไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย กำลังไปสอบสวนรายละเอียด จึงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนเป็นประโยชน์ในการลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิต ส่วนจะทราบผลเมื่อไรตรงนี้อยู่ที่ทาง รพ.จุฬาฯ
ถามต่อว่าลักษณะอาการของสายพันธุ์ XBB.1.16 มีข้อแตกต่างออกมาชัดเจนแล้วหรือยัง นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลปัจจุบันอาการก็ยังเหมือนเดิมกับโอมิครอนสายพันธุ์อื่น แต่มีรายงานว่า บางคนอาจจะมีอาการตาแดง ขี้ตา แต่เท่าที่เห็น 20 กว่ารายในประเทศไทยยังไม่ชัดเจนว่ามีอาการตาแดง มีแต่รายงานในอินเดียที่เป็นเด็ก และผู้ใหญ่ 1-2 คนที่เป็นข่าวในโซเชียลมีเดีย แต่คนทั่วไปที่ติดสายพันธุ์ XBB.1.16 มีอาการเหมือนกับการติดโควิดโอมิครอนตัวอื่นๆ คือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว อาการคล้ายกัน มีอาการตาแดงในบางคนที่ถือว่าเป็นส่วนน้อย มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่เด็กน่าจะมากขึ้นถ้าหากมีการเปิดเทอมในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ตอนนี้คนไปร่วมกิจกรรมเป็นวัยรุ่นวัยทำงาน
นพ.ธเรศกล่าวว่า เราจะติดตามอีกประมาณสัปดาห์หนึ่ง เราจะรู้ว่าหลังสงกรานต์สถานการณ์จะประมาณไหน โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประชุมอีโอซีและสั่งการในเรื่องการเตรียมทั้งยา ทรัพยากรต่างๆ และการเตรียมเตียงไว้รองรับ ถ้าดูอัตราการเฉลี่ยการป่วยยังอยูในระดับที่เราแบ่งเป็นสีต่างๆ ก็ยังอยู่ในอัตราสีเขียวอยู่
ถามถึงกรณี นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ โพสต์ภาพดวงตาทำให้คนกังวลว่าจะเกิดอาการอักเสบของดวงตาเช่นนั้นหรือไม่ นพ.ธเรศกล่าวว่า ข้อมูลของ XBB.1.16 ที่ป่วยในไทยยังไม่พบอาการตาอักเสบเยอะนัก แต่มีรายงานในต่างประเทศพบในเด็กส่วนมาก แต่ไม่ได้มีการรักษาที่ตาเฉพาะ พอรักษาไวรัสหายก็หายเลย ยืนยันว่าเรื่องตาไม่ใช่ข้อบ่งชี้หลักของสายพันธุ์
ถามต่อว่านอกจากอินเดียแล้วประเทศอื่นมีรายงานเรื่องตาหรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า ไม่ค่อยมีประเทศไหนพูดถึงโดยเฉพาะ แต่ในอดีตเราเคยเจอโควิดที่ตาแดงตาอักเสบได้เหมือนกัน แต่เป็นส่วนน้อยมากๆ อย่างไรก็ตาม เดี๋ยวสักพักจะมีผู้ป่วยที่เราต้องติดตามดูอาการ จะมีข้อมูลของไทยเรา
ถามถึงกรณี ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ แนะนำว่าการรับมือ XBB วัคซีนต้องถึงเข็ม 4 แต่การฉีดเข็ม 4 ของไทยอยู่ที่ 11% จะมีมาตรการอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ นพ.ธเรศกล่าวว่า ตอนนี้เราใช้เข็มกระตุ้น เราวางระบบตั้งแต่ พ.ค.เป็นต้นไป จะให้ฉีดพร้อมกัน ทั้งวัคซีนโควิด และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2 ข้างในกลุ่มเสี่ยง คนทั่วไปสามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ทั้งโมโนและไบวาเลนท์ได้ในทุกแห่ง แนวทางของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมแนะนำให้ฉีดเข็มกระตุ้นประจำปี
เมื่อถามว่าผู้สุงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยมีเท่าไร นพ.โสภณกล่าวว่า มีประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญ อย่างที่เสียชีวิต 5 ราย 4 คนไม่ได้รับวัคซีน
ด้าน นพ.ธเรศย้ำว่า ต้องขอสื่อช่วยกันรณรงค์ให้เห็นความสำคัญ และใช้กลไก อสม.เข้าไป โดยปีนี้เป็นปีสุขภาพผู้สูงวัย อสม.จะเข้าไปประเมินและใช้กลไกนี้เชิญชวนกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยหรือยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้นเข้ามา ปลัด สธ.ก็กำชับสถานพยาบาลทุกแห่งในการจะเชิญชวนคนมาฉีด โดยคนที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนหากมารับวัคซีนประจำปีก็จะแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม ทั้งนี้ การฉีดทั้งสองตัวมีความปลอดภัย อย่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็ฉีดมาแล้วหลายปีปลอดภัยชัด โควิดก็เช่นกัน เราฉีดวัคซีนมา 2-3 ปีแล้ว คิดว่าข้อมูลความปลอดภัยเทียบกับผลที่ได้ในการลดความรุนแรงของโรคและลดการเสียชีวิต มีผลว่าคุ้มค่ามาก และมีการทดลองแล้วว่าฉีดด้วยกันได้ ไม่เกิดปัญหาเรื่องภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น ขอเชิญชวนมาฉีดทีเดียวได้ทั้งสองโรค มีการศึกษาที่จะผลิตทั้งสองตัวอยู่ในหลอดเดียวกันเพื่อฉีด แต่อยู่ในขั้นตอนการศึกษา