"อนุทิน" ยันพร้อมรับมือโควิด เวชภัณฑ์พร้อม ขออย่าตระหนกปมเลือดอองจมูก-ตาแดง เกิดได้ แต่ไม่ได้มาจากโควิด ไม่เชื่อบุคลากรไม่ได้ค่าเสี่ยงภัยจะไม่ให้บริการ แจงเคสเมียนมา "โควิด" ไม่ทำตายฉับพลัน เลือกใส่-ถอดแมสก์ให้ประเมินความเสี่ยง ติดโควิดควรลางาน แต่ยังเจอผู้คนได้
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด 19 ร่วมกับผู้บริหาร สธ. ผู้ทรงคุณวุฒิ และภาคีเครือข่ายการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ว่า การรับมือโรคโควิด 19 ยืนยันว่ามีความพร้อมในทรัพยากรและเวชภัณฑ์ต่างๆ พร้อมให้บริการประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนเข้าใจไม่ต้องตื่นตระหนกเกินไป อาการรุนแรงที่บอกว่า มีเลือดออกในโพรงจมูก ตาแดง เป็นหนึ่งในแสนหรือล้านคนที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้มาจากโควิดและไม่ได้เกิดในทุกคน กำชับกรมควบคุมโรคชี้แจงกับประชาชน เพื่อลดความตื่นตระหนกและกังวล ทุกอย่างยังมีสภาพเช่นเดิม สิ่งที่ดีมากขึ้นคือ ประชาชนมีภูมิคุ้มกันที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา และถ้ามารับภูมิคุ้มกันเสริมต่อไป ก็จะไม่ทำให้ความเสี่ยงเกิดขึ้นโดยมีนัยยะสำคัญ
ไม่เชื่อบุคลากรไม่ได้ค่าเสี่ยงภัยจะไม่ให้บริการ
ถามว่ามีบุคลากรทางการแพทย์พูดกันว่าหากไม่ได้ค่าเสี่ยงภัยโควิดก็จะไม่บริการ นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าถึงพูดเช่นนั้น ทุกวันนี้ต่อให้ไม่มีค่าฉีดวัคซีนก็ต้องฉีด แล้วตรงไหนที่บริหารจัดการงบประมาณให้เกิดค่าเสี่ยงภัยกับบุคลากรสาธารณสุข ปลัด สธ.ก็ไม่เคยปล่อยผ่านไป คิดตลอดว่าเมื่อไรมีงบประมาณมา เมื่อบริหารจัดการงบประมาณได้ ตนไม่เชื่อว่าบุคลากรจะบอกว่าถ้าไม่ได้ค่าเสี่ยงภัย ไม่ได้ค่าป่วยการต่างๆ จะไม่ให้บริการประชาชน นั่นไม่ใช่ที่กระทรวงสาธารณสุขแน่นอน
ถามว่ามีนักวิชาการออกมาพูดว่าการติดเชื้อโควิดจริงอาจอยู่หลักหมื่นราย นายอนุทินกล่าวว่า ทุกวันนี้ผู้ป่วยโควิดมารักษาใน รพ.อยู่ที่หลักร้อย ส่วนที่บอกว่าติดเชื้อไม่เข้าระบบ ก็แสดงว่าอาจจะเป็นอาการเบา โควิดอยู่ แต่คนมีภูมิคุ้มกัน
แจงเคสเมียนมา "โควิด" ไม่ทำตายฉับพลัน
ถามถึงกรณีคนงานเมียนมาที่เสียชีวิต ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด โดยระบุว่าก่อนเสียชีวิตมีอาการตาแดง ทำให้มีการเชื่อมโยงว่าจะเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 นายอนุทินกล่าวว่า ตนมองว่าอย่าไปเชื่อมโยงในสิ่งที่เรายังไม่มีข้อมูลอย่างเต็มที่ พูดกันแบบไม่ใช่แพทย์ โควิดเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ จะเสียชีวิตแบบเพิ่งเห็นกันหลัดๆ ไม่ได้ ออกไปทำงาน ออกกำลังกายอยู่ แล้วกลับขึ้นไปเสียชีวิตตรวจมีโควิด โอกาสตายเพราะโควิดคงไม่ใช่ มิเช่นนั้นคงไม่มีแรงออกไปทำอะไร ถ้ามีใครบอกว่าตายเพราะโควิดคงไม่ใช่ แต่ติดเชื้อโควิดอยู่พอดี กรมควบคุมโรคก็ไปขอข้อมูลรับทราบมูลเหตุการตาย เกือบ 100% ก็กลับมารายงานว่าไม่ได้เสียชีวิตจากโรคโควิด คือตายพร้อมโควิดแต่ไม่ได้ตายจากโควิด
เลือกใส่-ถอดแมสก์ให้ประเมินความเสี่ยง
ถามว่าเรื่องหน้ากากจะสื่อสารอย่างไรตอนนี้ นายอนุทินกล่าวว่า ให้ประเมินความเสี่ยง คนหมู่มากเข้าไปก็ใส่หน้ากาก ไม่มีข้อห้ามอะไร ถ้าฉีดวัคซีนแล้ว เพิ่งฉีด ติดเชื้อแล้วก็ประเมินดู คนอยู่ใกล้ชิดเป็นอย่างไร คนสบายดีถ้าจะใส่หน้ากากเพื่อป้องกัน PM 2.5 ก็ใส่ได้ ไม่ว่าจะเป็น N95 หรือไม่ หากใส่ก็กรองได้ในระดับหนึ่ง หากมองว่าเป็นประโยชน์ทั้งหลาย ป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วย ช่วงเข้าใกล้หน้าฝนก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ติดโควิดควรลางาน แต่เจอผู้คนได้
ถามว่าการติดโควิดยังต้องแยกกักอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรามีไกด์ไลน์ข้อแนะนำ ถ้าติดเชื้อ ลางานได้ก็ลาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย 5 วัน หากจำเป็นพบปะผู้คนก็ใส่หน้ากาก หรือใส่สองชั้น พยายามเว้นระยะห่าง ไม่ต้องมีความอายอะไร บอกเลยว่าเป็นโควิดอยู่ คนต้องอยู่ใกล้เราจะได้ระมัดระวัง ทำให้เป็นเรื่องปกติ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องเข้มเพราะยังไม่มีวัคซีน ภูมิคุ้มกันหมู่ ภูมิคุ้มกันตัวเองยังไม่มี ยาที่รักษาก็ยังไม่มี ทุกวันนี้มีทั้งหมดแล้ว อยู่ในการเข้าถึง ความเสี่ยงต่างๆ ก็ลดลงไป ก็พยายามให้เกิดเป็นปกติมากที่สุด
