สธ.ยันสถานการณ์ "โควิด" ยังไม่น่ากังวล ผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตน้อย ห่างไกลจากที่เคยพบจำนวนมาก มาตรการยังเหมือนเดิม ย้ำภาพรวมยังพอๆ กับ "ไข้หวัดใหญ่" ไม่ได้เบาหรือหนักกว่า ส่วนให้ฉีดวัคซีนพร้อมกันประจำปีช่วยเพิ่มสะดวก เผย ผอ.รพ.รามาธิบดีแจงเลิกใช้ยาไม่เกี่ยวกับยาไม่ได้ผล แต่ต้องซื้อยาเองไม่เหมาะสมกับการบริหารจัดการ
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สัปดาห์ล่าสุดวันที่ 9-15 เม.ย. 2566 พบผู้ป่วยโควิด 19 รายใหม่ 435 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 30 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย และเสียชีวิต 2 ราย พบว่าอายุไม่มาก รายหนึ่งมีโรคประจำตัว อีกรายได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกินกว่า 3 เดือน เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วเกิดอาการรุนแรง ซึ่งสถานการณ์ยังไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะยังห่างไกลจากแต่ก่อนที่มีผู้ป่วยหนักเยอะๆ เป็นพันคน และเรามีระบบติดตามอยู่ ส่วนการกลายพันธุ์ของไวรัสเป็นเรื่องปกติ องค์การอนามัยโลกจัดสายพนธุ์ที่ต้องสนใจ (VOI) เพียงแค่ XBB.1.5 ที่พบมากในไทย ส่วน XBB.1.16 ประเทศไทยยังน้อย ส่วนใหญ่เจอในอินเดีย ยังเป็นแค่สายพันธุ์ติดตามยังไม่ต้องกังวลเกินไป ไม่ได้ติดง่ายกว่าที่มีอยู่ ความรุนแรงไม่ได้เพิ่มขึ้น เรื่องตาแดง เชื้อไวรัสอะไรก็ตาแดงได้ และยาเดิมยังรักษาได้อยู่ ไม่ได้หลบภูมิเก่งกว่า XBB.1.5
"มาตรการต่างๆ ยังเหมือนเดิม ไม่มีอาการ อาการน้อย ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงไม่ต้องกินยา อาการน้อยกลุ่มเสี่ยงกินยาเหมือนเดิม ฟาวิพิราเวียร์สำหรับเด็ก โมลนูพิราเวียร์สำหรับผู้ใหญ่ หากอาการุนแรงแนะนำใช้แพกซ์โลวิดหรือบวก LAAB ซึ่งผลข้างเคียงน้อยมาก ใช้คู่ยาตัวอื่นได้ ภาพรวมยังมีประโยชน์" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า ส่วนกรณีข่าว รพ.รามาธิบดี เลิกใช้ยาบางตัวเพราะไม่ได้ผล ทาง ผอ.รพ.รามาธิบดียืนยันว่า ยาเดิมยังใช้ได้ผลอยู่ แต่ปรับเกณฑ์เล็กน้อย ที่ไม่ใช้เพราะหลังๆ ต้องซื้อยาเองประสิทธิภาพยาอาจไม่เหมาะสมกับการบริหารจัดการ สธ.จึงย้ำว่า ยาเรามีเยอะ โมลนูฯ มีเป็นล้าน แพกซ์โลวิดหลายหมื่น เรมดิซิเวียร์มีเป็นแสน หน่วยงานภาครัฐตรงไหนขาดยาแจ้งมา ยินดีสนับสนุนยาให้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เนื่องจากการจัดหายาโควิด 19 รพ.สามารถจัดหาเองได้ และเบิกค่ารักษากับ สปสช.ตามระบบปกติ แต่ถ้าตรงไหนขาดก็ประสานขอมาได้ สามารถเคลียร์ได้ทีหลัง ไม่ให้ขาดยา
นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับกรณีการปรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 เป็นวัควีนประจำปี ฉีดควบคู่กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยกลุ่มที่ต้องฉีดคล้ายกัน คือ 608 บุคลากรทางการแพทย์ และ อสม. และเพิ่มเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ปี ก็ให้ฉีดคู่ได้เลย วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะเริ่มวันที่ 1 พ.ค. 2566 ก็เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงสะดวกในการมารับวัคซีนพร้อมกัน ไม่ต้องมาหลายรอบ ย้ำว่ามีประสิทธิภาพฉีดยี่ห้อไหนก็ได้ มีเพียงพอถึงสิ้นปีนี้ ยังไม่ต้องสั่งเพิ่ม โดยฉีดฟรีตามเดิม ส่วน รพ.เอกชนจัดหาวัคซีนโควิดได้เอง ทั้งนี้ โควิดกับไข้หวัดใหญ่ตอนนี้ถือว่าพอๆ กัน แต่โควิดเราฉีดวัคซีนเยอะ มีการศึกษาว่า คนไทยมีภูมิต่อโควิด 97% ทั้งติดเชื้อฉีดวัคซีน เรียกว่าเกือบทุกคน การฉีดปีละเข็มจะทำให้ภูมิเพิ่มขึ้นเหมือนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่