กรมควบคุมโรคแจง โควิดลูกผสม XBB.1.16 ในไทย 6 ราย มาจากต่างประเทศ อาการไม่รุนแรง ไม่พบอาการ "เยื่อบุตาอักเสบ" ชี้อาการโควิดทำระคายเคืองใบหน้า-ดวงตาได้ในบางราย ศูนย์จีโนมเผยในไทยยังเป็น XBB.1.5 มากสุด
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลผู้ป่วยโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 ในไทย 6 ราย ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ อยู่ในวัยทำงาน และอาการป่วยไม่รุนแรง ส่วนอาการสำคัญของ XBB.1.16 ที่อินเดียรายงานว่ามี “เยื่อบุตาอักเสบ” ยังไม่มีรายงานในผู้ป่วยที่พบในไทย อย่างไรก็ตาม อาการของโควิดที่เรารู้ว่า จะมีอาการตัวร้อน เป็นไข้ บางรายก็จะมีอาการระคายเคืองตามใบหน้าหรือดวงตาได้
"ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า XBB.1.16 จะมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่น ส่วนการกลายพันธุ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ กรมควบคุมโรคก็ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก และให้มารับวัคซีนโควิด ถ้าหากฉีดเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน” นพ.โสภณ กล่าว
ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เปิดเผยว่า จากข้อมูลภาพรวมการระบาดของโอมิครอนในไทยช่วง 30 วันล่าสุด ที่มีการส่งข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ในไทยที่ถอดรหัสพันธุกรรมเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล GISAID พบว่า สายพันธุ์หลักในไทยขณะนี้คือ XBB.1.5 ประมาณ 47% รองลงมาคือ XBB.1.9.1 ประมาณ 27% , XBB.1.16 ประมาณ 13% , XBB.1.5.7 ประมาณ 7% และ XBB.1.16.1 ประมาณ 7%
ทั้งนี้ XBB.1.16 เป็นตัวที่ทั่วโลกกำลังจับตา เนื่องจากมีการแพร่เร็ว หลบหลีกภุูมิคุ้มกันตามธรรมชาติและวัคซีนได้ดี แต่ข้อมูลที่พบอาการทางคลินิกยังไม่ต่างจากสายพันธ์ุอื่น แม้ติดเชื้อยังไม่มีใครล้มป่วยหนัก แม้แต่ที่อินเดียที่มีการระบาดมาก คนไข้อาการหนักไม่ได้เพิ่มมาก การนำเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เกิดความตระหนัก และเฝ้าระวัง ไม่ให้หย่อนยาน เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อจนกลายเป็นโรคประจำถิ่นในปัจจุบัน ลักษณะการระบาดมีความถี่มากขึ้น อีกทั้งภาวะโลกร้อนทำให้วัฎจักรเกิดการเปลี่ยนแปลง ไวรัสก็เปลียนแปลง จึงต้องระวัง อย่างไรก็ตาม หลังเกิดสถานการณ์โควิด ทำให้ทั่วประเทศเกิดการเรียนรู้ เฝ้าระวัง มีนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ ยา เวชภัณฑ์ วัคซีนเข้ามารองรับอย่างรวดเร็ว เชื่อว่าหากเกิดอะไรขึ้นน่าจะเอาอยู่