นับตั้งแต่วิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยก็กลับมาสดใส และคึกคักอีกครั้ง โดยในเดือนเมษายนเป็นช่วงเวลาที่หลายคนต่างรอคอย นั่นก็คือ “เทศกาลสงกรานต์” เนื่องจากเปรียบเสมือนวันปีใหม่ไทยที่หลายครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง เพราะบรรดาลูกหลานที่เดินทางไปเรียนหรือไปทำงานต่างจังหวัดได้เดินทางกลับมาพบปะญาติพี่น้อง เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารร่วมกัน ทำบุญ สรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำคลายร้อนกัน
โดยในวันนี้ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จะพาไปทำความรู้จักประวัติความเป็นมา และความสำคัญของวันสงกรานต์ให้มากขึ้น
วันสงกรานต์ หรือ วันมหาสงกรานต์ เป็นวันที่ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลโฮลีของประเทศอินเดีย แต่วันสงกรานต์ของไทยเปลี่ยนจากการสาดสี เป็นการสาดน้ำใส่กัน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายน และในอีกแง่หนึ่งยังมีความเชื่อว่าเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ทำให้นิยมเล่นสาดน้ำ และประแป้งกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะไม่ถือโทษโกรธกัน
คำว่า "สงกรานต์" มาจากภาษาสันสกฤต ที่มีความหมายว่า "การเคลื่อนย้าย" โดยเชื่อว่าในวันสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาการเคลื่อนย้ายของจักรราศี อีกนัยหนึ่งก็คือการเคลื่อนสู่ปีใหม่ ทำให้คนไทยยึดถือวันสงกรานต์เป็น "วันขึ้นปีใหม่ไทย" มาตั้งแต่สมัยโบราณ จนกระทั่ง พ.ศ. 2483 ก่อนจะปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามแบบแผนสากลนิยม ซึ่งก็คือวันที่ 1 มกราคมของทุกปี (อ้างอิงจาก : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2061595 )
สงกรานต์ของครอบครัวโสสะ
สำหรับในเทศกาลสงกรานต์นี้ หมู่บ้านเด็กโสสะทั้ง 5 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ บางปู สมุทรปราการ, หาดใหญ่ สงขลา, หนองคาย, เชียงราย และภูเก็ต ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทย พร้อมทั้งสอดแทรกวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้มีการเรียนรู้และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันระหว่างแม่ และพี่น้องในครอบครัว ดังเช่นในภาพ เด็ก ๆ ที่บ้านเยาวชนชาย หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ร่วมทำบุญพัฒนาวัด โดยไปปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดวัด ในช่วงเทศสงกรานต์ นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังช่วยกันขนทรายเข้าวัด และก่อเจดีย์ทราย และยังได้รดน้ำขอพรจากแม่ เนื่องในวันปีใหม่ไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ วันที่ 14 เมษายนของทุกปี ยังเป็นวันครอบครัวไทยอีกด้วย แม้ครอบครัวโสสะจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแม่ลูกในทุกๆ วัน แต่วันนี้จะเป็นวันพิเศษอีกวันหนึ่งที่ลูกๆ โสสะที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่และออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง จะได้กลับมาเยี่ยมเยียนคุณแม่โสสะและน้องๆ ท่ามกลางบรรยากาศของครอบครัวอันอบอุ่นที่ได้มอบชีวิตใหม่พวกเขาได้เติบโตขึ้นมา
การที่เด็กๆ ทุกคนในครอบครัวโสสะได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขในเทศกาลสงกรานต์แบบนี้ ทางมูลนิธิฯ ต้องขอขอบพระคุณทุกจิตเมตตาที่ได้มอบชีวิตใหม่ให้แก่เด็กๆ ให้พวกเขาได้มีวัยเด็กที่มีความสุขเฉกเช่นเด็กๆ ในครอบครัวทั่วไป และได้เติบโตมีอนาคตที่สดใสอีกครั้ง
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กในครอบครัวโสสะ ได้ที่ เว็บไซต์ https://www.sosthailand.org/donate-now