กรมอนามัย ย้ำออกกำลังกาย ทำกิจกรรม ช่วงเช้าหรือเย็นในหน้าร้อน เลี่ยงเป็นฮีทสโตรก กลุ่มเสี่ยงยิ่งไม่ควรออกแดด เน้นทำกิจกรรมในที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก สวมชุดที่ระบายเหงื่อได้ดี
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงหน้าร้อนอากาศมีอุณหภูมิสูง ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเสี่ยงเกิดโรคฮีทสโตรกง่ายมากขึ้น อาการคือ 1.เหงื่อไม่ออก 2.สับสน มึนงง 3.ผิวหนังเป็นสีแดง และ 4.ตัวร้อนจัด หากพบผู้มีอาการดังกล่าวควรปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากยังรู้สึกตัว ให้พาเข้าที่ร่ม รถ หรือห้องที่มีความเย็น ให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง ถอดเสื้อผ้าให้เหลือเท่าที่จำเป็น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว ใช้พัดลมเป่าหรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ ขาหนีบ และข้อพับต่างๆ หากผู้ป่วย เป็นลม หมดสติ หายใจไม่สม่ำเสมอหรือหายใจช้าผิดปกติ ควรนำส่ง รพ.ทันที ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้คลำชีพจร และรีบช่วยฟื้นคืนชีพและนำส่ง รพ.โดยเร็วเพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน หรือโทร 1669
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ประชาชนควรปรับเวลาหรือลดเวลาการมีกิจกรรมทางกายกลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด เช่น ทำกิจกรรมทางกายช่วงเช้าและช่วงเย็น หรือเลือกทำในอาคารหรือที่ร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก สวมชุดที่ระบายเหงื่อและความร้อนได้ดี ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.กลุ่มคนที่ทำงานกลางแจ้งที่สัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. กลุ่มนักวิ่งมาราธอนต่างๆ ที่จะต้องสัมผัสอากาศที่ร้อนหรือความชื้นที่สูงทำให้ไม่สามารถขับเหงื่อได้ 3.คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคนที่ดื่มน้ำน้อย ควรหลีกเลี่ยงการกิจกรรมทางกายในที่กลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด
นอกจากนี้ กลุ่มเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยให้อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ควรให้ออกกำลังกายกลางแจ้งหรือทำกิจกรรมที่เหนื่อยจนเกินไป หญิงตั้งครรภ์หากต้องเดินทางไกลควรมีผู้ดูแลร่วมเดินทางด้วย เพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด ป้องกันอุบัติเหตุหากมีอาการหน้ามืด วิงเวียน หรือเป็นลม เมื่อเจออากาศที่ร้อนจัดภายนอก และไม่ควรทิ้งเด็กหรือผู้สูงอายุให้อยู่ในรถที่ปิดสนิทจอดและกลางแจ้งตามลำพัง เป็นเวลานาน