ปลัด สธ.เผย "ชลบุรี-บางนา" ค่าดัชนีความร้อนสูงถึง 49 – 50 องศาเซลเซียส เสี่ยงเกิดฮีทสโตรก ส่วน 25 จังหวัด ค่าดัชนีรังสียูวีสูงจัด ทำผิวหนังเกรียมแดด ส่งผลเสียต่อดวงตา ทำลาย DNA ในระยะยาว แนะเลี่ยงออกแดด ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ดื่มน้ำมากๆ ย้ำตายจากฮีทสดตรกมักมีโรคร่วม
เมื่อวันที่ 5 เม.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน กลางวันมีสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง เป็นต้น เนื่องจากร่างกายจะขับความร้อนออกมาทางเหงื่อ ทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่จำนวนมาก เกิดอาการเพลียแดด หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกได้ การวินิจฉัยว่าเป็นโรคฮีทสโตรกจะดูจาก 1.มีอุณหภูมิร่างกายสูง 40.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป 2.มีอาการผิดปกติทางสมอง เช่น สับสน เพ้อ เวียนศีรษะ ตอบสนองช้า หรือชัก และ 3.อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อน ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปและใช้ระยะเวลาจนเกิดอาการผิดปกติ ส่วนใหญ่การเสียชีวิตมักจะมีปัจจัยร่วมกับโรคอื่นๆ ด้วย เช่น โรคหัวใจหรือภาวะความดันโลหิตสูง
นพ.โอภาสกล่าวว่า จากข้อมูลพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนสูงสุด ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า วันที่ 5 เม.ย. 2566 ภาคเหนืออยู่ที่ จ.ตาก 41 องศาเซลเซียส, ภาคอีสาน จ.ศรีสะเกษ 38.4 องศาเซลเซียส, ภาคกลาง เขตบางนา กทม. 45.5 องศาเซลเซียส, ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี 45.8 องศาเซลเซียส และภาคใต้ จ.พังงา 43.3 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 6 เม.ย. 2566 ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ 40.6 องศาเซลเซียส, ภาคอีสาน จ.ศรีสะเกษ 41.5 องศาเซลเซียส, ภาคกลาง เขตบางนา กทม. 50.2 องศาเซลเซียส, ภาคตะวันออก แหลมฉบัง จ.ชลบุรี 49.4 องศาเซลเซียส และภาคใต้ จ.ภูเก็ต 47.9 องศาเซลเซียส สภาพอากาศที่ร้อนเกิน 41 องศาเซลเซียส จัดอยู่ในระดับอันตราย อาจทำให้มีอาการตะคริวที่น่อง ต้นขา หน้าท้อง หรือไหล่ ทำให้ปวดเกร็ง มีอาการเพลียแดด และอาจเกิดภาวะฮีทสโตรกได้
นอกจากอุณหภูมิที่ร้อนจัด อีกเรื่องที่ต้องระมัดระวังคือ รังสีอัลตราไวโอเลต (ยูวี) จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ช่วงวันที่ 3-9 เม.ย. 2566 กรณีท้องฟ้าโปร่งเวลา 12.00 น. มี 25 จังหวัด ที่มีค่าดัชนียูวีอยู่ในระดับสูงจัด (มากกว่า 11 ขึ้นไป) หรือระดับสีม่วง ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ลำปาง หนองคาย สกลนคร ขอนแก่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ นครราชสีมา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ กาญจนบุรี มีค่าดัชนียูวี 11, กทม. จันทบุรี ชลบุรี มีค่าดัชนียูวี 12 และตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สงขลา และนราธิวาส มีค่าดัชนียูวี 13 จะทำให้เกิดผิวหนังเกรียมแดด (Sun Burn) ส่งผลเสียต่อดวงตาได้ในเวลาไม่กี่นาที และระยะยาวจะทำลาย DNA
"ขอให้หลีกเลี่ยงการออกแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 09.00-15.00 น. หากจำเป็นควรใช้เวลาให้น้อยที่สุด สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดด รวมถึงขอให้ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ ไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากต้องทำงานกลางแจ้งควรทำงานเป็นกลุ่ม และเมื่อเกิดอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว ให้รีบแจ้งบุคคลที่อยู่ใกล้เพื่อช่วยปฐมพยาบาลทันที" นพ.โอภาสกล่าว