แพทย์เผยอาการสัญญาณเตือน "กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน" ย้ำต้องรีบส่ง รพ.ตรวจทันที มีเวลารักษาใน 2 ชั่วโมง เพื่อลดอัตราตาย หัวใจล้มเหลว
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ มีการอุดตันเฉียบพลัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดอันตรายรุนแรง หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ ทำให้ผู้ป่วยหมดสติกระทันและเสียชีวิตถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที นอกจากนี้ ถ้ามีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นบริเวณกว้างส่งผลทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวตามมา
"กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเกิดขึ้นได้ทั้งขณะทำงาน เล่นกีฬา หรือพักผ่อน สาเหตุเนื่องจากมีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งหรือบริเวณที่มีคราบไขมัน เกิดการปริของผนังหลอดเลือดทำให้มีลิ่มเลือดมาเกาะที่ผนังหลอดเลือดและก่อตัวเป็นลิ่มเลือดจนอุดตันส่งผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด" นพ.ธงชัยกล่าว
นพ.ธงชัยกล่าวว่า อาการและสัญญาณเตือนที่พบได้บ่อย ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดร้าวไปกราม คอ สะบักหลัง แขนซ้าย เหนื่อยหายใจไม่ทัน บางรายอาจมีอาการจุกบริเวณใต้ลิ้นปี่ คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน เมื่อเกิดภาวะเหล่านี้ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด ไม่ควรรอดูอาการที่บ้าน จากข้อมูลของไทยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มาเข้ารับการรักษาล่าช้า ทำให้มีอัตราเสียชีวิตสูงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจล้มเหลว
นพ.เอนก กนกศิลป์ ผอ.สถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน พบได้บ่อยในผู้ใหญ่วัยกลางคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 2 เท่า เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน แพทย์จะซักประวัติ อาการ และทำตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเลือด หากพบว่ามีอาการเข้าได้กับโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือมีคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติชนิด ST elevation (STEMI) แพทย์จะรีบทำการรักษาเพื่อเปิดหลอดเลือดหัวใจด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือด หรือขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านสายสวน ซึ่งต้องได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด มีระยะเวลาที่ Golden period 120 นาทีหรือ 2 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ เพื่อลดปริมาณการตายของกล้ามเนื้อหัวใจและลดอัตราเสียชีวิต