"A man who doesn't read good books is no better than who can't."
เพราะการอ่านคือ Lifestyle อย่าฝากการอ่าน หรือการเรียนรู้ของเราไว้กับใครมากเกินไป เพราะ
การเรียนรู้คือชีวิตของเราแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เรียนรู้แต่การต่อสู้มากไป ขาดความละเมียดละไม ก็หล่อหลอมให้เราเป็นคนกระด้าง ส่วนเรียนรู้เรื่องราว romantic มากไป ก็อาจไม่สู้ชีวิตเอาซะเลย หรือเปราะบางกับความรู้สึกมากไป
สรุปแล้วรักษาสมดุลย์ของการเรียนรู้ในชีวิตให้ดี จะได้ประโยชน์มาก แต่เราจะเรียนรู้ชีวิตได้จากไหนบ้าง
อ่านหนังสือดี ๆ และหลากหลายก็เป็นทางออกอย่างหนึ่ง เพราะปลอดภัยและประหยัด เมื่อเทียบกับการที่ต้องออกไปเจอเอง ฟันฝ่าเอง
ถ้าต้องออกไปทดลองใช้ชีวิตเองไปซะทุกด้าน บางทีก็เสียเวลา บางทีประสบการณ์บางอย่างก็ไม่ควรเอาชีวิตเราเข้าไปแลกด้วย แต่สิ่งที่วิเศษคือ เราเรียนรู้ชีวิตบางส่วนทั้งด้านมืดและสว่างผ่านทางการอ่านได้ แถมยังมีเวลาให้คิดไตร่ตรองด้วย
การอ่านหนังสือจะคล่องขึ้นเก่งขึ้น เลือกอ่านได้แม่นขึ้น ก็มาจากประสบการณ์การอ่านของแต่ละคน
แต่ที่เห็นชัด ๆ คือการอ่านนั้น เป็นวิธีลดความเครียด โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร นอกจากนั้นยังทำให้เราได้ศัพท์ (expand vocabulary) โดยอัตโนมัติ จากการอ่านเราจะมีความสามารถทางภาษา หากอ่านภาษาอังกฤษด้วยแล้ว ทำให้การเขียน การถ่ายทอดของเราดีขึ้นตามมา
แต่ประเด็นที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่อยากอ่านหนังสือเพราะ
1. อารมณ์ไม่ได้ มีเรื่องกังวลมากมายในหัว ไม่มีสมาธิ
2. ไม่มีเวลา
3. อ่านไม่เข้าใจ
คุณทราบหรือไม่ว่า มีงานวิจัยรองรับมาช้านานว่าการอ่านหนังสือทำให้คนฉลาดขึ้นเร็วมากว่าการรับสื่อทางอื่น เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หรือ social media ที่เป็นภาพและเสียง
การอ่านหนังสือ สามารถอ่านจากหนังสือ หรือ Digital book เป็นการเพิ่มศักยภาพการคิด เพิ่มความรู้ ได้เร็วได้เทียบเท่ากับการคิด
แต่การดูทีวี เสพสื่อทางภาพ เป็นการรับข้อมูลที่เร็วกว่าการคิด ซึ่งบางครั้งเรากรองไม่ทัน และเป็นการทำลาย Brain Cellโดยตรง (งานวิจัยปี 2013 ของ ดร Hiraku Takeuchi จากมหาวิทยาลับ โตโฮกุ )
โดยศึกษาจากเด็ก 276 คน ผลออกมาดังนี้
1. เด็กดูทีวีนานๆ เสพสื่อทางภาพและดูละครมาก สมองส่วนการรับรู้ความก้าวร้าวมีความหนาขึ้น และมีความไวต่อสิ่งเร้ามากขึ้น จะหล่อหลอมให้เป็นคนช่างน้อยใจ ก้าวร้าว ความอดทนทางอารมณ์ต่ำ
2. ความสามารถในเรื่องการใช้ภาษา Verbal test ลดลง การเลือกใช้วาจาพร่องลง
3. สมองส่วน frontal lobe หนาขึ้น ส่งผลให้ความสามารถใน Verbal Reasoning ลดลง นั่นหมายถึงการคิดวิเคราะห์ต่ำลง
วิธีแก้ไข
1. ปรับสถานที่สำหรับการอ่านโดยเฉพาะ ห้องอ่านหนังสือโดย ไม่ควรมีมือถือ โทรทัศน์ มันรบกวนการอ่าน
2. ดูหนังมาก อ่านเข้าใจน้อย อ่านหนังสือที่มีประโยชน์มาก หาทางออกได้เก่ง
3. อย่าปล่อยให้ร่างกายล้า หมดพลังไปกับการคุยเล่น ออกกำลังกายหนักไป
แต่ละวันร่างกายของเราถูกดึงพลังชีวิต ไปกับเรื่องคนอื่น การแสดงทัศนคติในบางเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์ การทำกิจกรรม ประมาณ 30% การคุยกับคนจำนวนยิ่งมาก ก็ยิ่งต้องใช้พลังชีวิตมาก แต่ข้อมูลที่เข้ามาน้อยกว่าพลังที่เสียไป
เราควรเติมเต็มพลังชีวิตให้ตัวเองด้วยการอยู่กับตัวเอง เลือกกิจกรรมที่ Introverted เช่น อ่านหนังสือ ออกกำลังที่ไม่หนักจนเกินไป เลือกอาหารที่มีประโยชน์และนอนหลับให้เพียงพอ (7 ชั่วโมง)
เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการสร้างคนให้เป็นคนคิดเก่ง เรียนเก่ง อ่านเก่ง แบบไม่เครียดอีกมากมาย เราควรติดตามไว้เพื่อชีวิตของเราเอง ที่เราต้องดูแล
เพราะการอ่านคือไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่นั่งเรียนคร่ำเคร่ง อ่านเอาเป็นเอาตายเพื่อจะไปสอบแต่เพียงอย่างเดียว การอ่านควรเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่แต่ละวัน ที่สอน และสั่งสมประสบการณ์อันมีค่า วันละเล็กวันละน้อย จนถึงวันที่ต้องใช้การอ่านจริง ๆ เราก็สามารถอ่านเรื่องใหม่ ๆ ได้ทันความคิดของเราที่วันนั้นคงพัฒนาไปมากแล้ว
ครูฮ้วง
--------------------------
ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ