"สาธิต" แจงลงพื้นที่ปราจีนบุรี-ระยอง ติดตามเฝ้าระวังป่วยจาก "ซีเซียม-137" รอผลสอบเส้นทางขนส่ง มีคนเกี่ยวข้องเพิ่มอีกหรือไม่ ยังไม่ทราบข้อสรุปถูกขโมยหรือหลุดรอดหายไปจากโรงงานไฟฟ้าอย่างไร แต่ระบบสาธารณสุขต้องเตรียมพร้อม เดินหน้าตรวจสุขภาพตรวจเลือดคนงานที่ระยองด้วย
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเตรียมลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และ จ.ระยอง เพื่อประชุมติดตามผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก "ซีเซียม-137" ซึ่งพบฝุ่นแดงของสารซีเซียม-137 ที่ถูกส่งจาก จ.ปราจีนบุรี มายัง จ.ระยอง ว่า หลักการในการลงไปพื้นที่ ในส่วนของ สธ.ยังต้องมอนิเตอร์ ติดตาม เฝ้าระวัง หากพบการรั่วไหลและเป็นเหตุให้ผู้ป่วยจากการสัมผัสสารซีเซียม-137 ต้องได้รับการรักษาถูกวิธี รวดเร็วทันเวลาและปลอดภัย ส่วนจะมีคนเกี่ยวข้องมากแค่ไหน นายกรัฐมนตรีก็สั่งการชัดเจนแล้วให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจเส้นทางการขนส่ง ว่าฝุ่นแดงในบิ๊กแบ็กหลังถูกหลอมแล้วมีการส่งไปในพื้นที่ไหน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ถ้ามีแค่นั้นก็ถือว่าควบคุมได้ แต่ก็ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงและข้อสรุปถึงกัมมันตรังสีที่หายไปว่า ถูกโจรกรรมไป ถูกขโมยไปโดยไม่รู้หรือหลุดรอดไปหรือไม่ แต่ระบบสาธารณสุขต้องเตรียมพร้อมรองรับ
นายสาธิตกล่าวว่า สำหรับประชาชนขอให้ติดตามและอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป สำหรับอันตรายของฝุ่นแดงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาว่าเมื่อเป็นฝุ่นเหล็กแล้วอันตรายมีมากน้อยแค่ไหน อาจอันตรายน้อยกว่ากัมมันตรังสีโดยตรง เพราะผ่านการทำลายมาแล้วก็มีโอกาสเป็นพิษได้อยู่ แต่ร่างกายคนเราอะไรที่เป้นสารพิษอยู่และสัมผัสติดต่อกันนานก็อาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ก้ต้องสกัดกั้นให้ได้เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาสุขภาพประชาชน
ถามว่าฝุ่นแดงที่พบที่ จ.ระยอง นอกจากส่งกลับแล้วจะต้องมีการดูแลอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายสาธติกล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) ที่จะลงพื้นที่จ.ระยองก็จะลงไปดูและกำชับมาตรการ เช่น ประชาชนบริเวณโดยรอบ เจ้าหน้าที่ พนักงาน เจ้าของโรงงานที่ทำอยู่ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บฝุ่นแดง เราจะส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสอบ ตรวจเลือดว่ามีสารปนเปื้อนอะไรไหม แต่เข้าใจว่าจังหวัดน่าจะเดินหน้าไปบ้างแล้ว เนื่องจากตนโทรสั่งการนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ระยอง ไปแล้ว ให้เข้มข้นมากขึ้น ขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วย ต้องขอให้ประชาชนทั้งในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และ จ.ระยอง สำรวจอาการของตนเอง หากพบว่าป่วยก็ขอให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ทั้งนี้ ในเรื่องของการท่องเที่ยว จ.ปราจีนบุรี และ จ.ระยอง ตนขอให้ประชาชนบริโภคข้อมูลข่าวสาร โดยไม่ตื่นตระหนกเกินไป แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจในแง่ของการป้องกัน
"คนที่มีอาการเข้าข่ายสงสัย ขอให้ไปพบแพทย์ อย่างน้อยหากพบจะได้รู้ว่าสัมผัสที่ไหนอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลการสอบสวนที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นใจในจังหวัด มองว่าการให้ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเราต้องเชื่อข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่ได้ไปตรวจวิเคราะห์พื้นที่ ก็พบว่ามีปริมาณสารต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ก็ถือว่าปลอดภัย" นายสาธิตกล่าว