สธ. ร่วมกับ สปสช.เพิ่มชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตัวเอง และตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ บี-ซี ในชุดสิทธิประโยชน์บัตรทอง เตรียมออกหลักเกณฑ์จ่ายชดเชย กำหนดวันเริ่มบริการเร็วๆ นี้ หวังเพิ่มการเข้าถึงรักษา ลดป่วยตาย
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ (คช.ปอ.) ครั้งที่ 1/2566 ว่า สธ.ร่วมกับบอร์ด สปสช.ให้มีการเพิ่มประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพฯ ได้แก่ 1.บริการชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ส่งเสริมการตรวจที่เข้าถึงง่ายโดยสมัครใจ เป็นความลับ และให้เป็นเรื่องปกติ ส่งผลให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงได้รับการตรวจเพิ่มขึ้น ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาเร็วขึ้น เนื่องจากปี 2565 ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 17,809 คน มีถึงร้อยละ 52 ที่รู้สถานะการติดเชื้อช้า โดยถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีเมื่อมีระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำมาก เม็ดเลือดขาวซีดี 4 น้อยกว่า 200 หรือมีอาการป่วยจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาส
2.ตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ในประชาชนทั่วไปที่เกิดก่อนปี 2535 โดยตรวจ 1 ครั้ง ตลอดช่วงชีวิต และการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ในประชากรกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม คือ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด ผู้ต้องขัง บุคลากรสาธารณสุข และชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ได้รับการรักษาตามมาตรฐานอย่างรวดเร็ว ลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดตับแข็ง มะเร็งตับ และการเสียชีวิต โดยเฉพาะโรคไวรัสตับอักเสบ ซี ที่มียารักษาให้หายขาดได้ รับบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
"บริการทั้ง 2 ส่วน สปสช.อยู่ระหว่างกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการจ่ายค่าชดเชยให้กับหน่วยบริการ ได้มอบให้กรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานการกำหนดระยะเวลาเตรียมการและวันที่จะเริ่มให้บริการ เพื่อให้ประชาชนทราบและเข้าถึงบริการโดยเร็วต่อไป" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการยุติปัญหาเอดส์ ได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพระบบการดูแลรักษาเอชไอวี ระดับประเทศ เพื่อติดตามและกระตุ้นให้ รพ.ทุกแห่งพัฒนาคุณภาพบริการ ให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานและรวดเร็ว รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสภายในวันเดียวกับการวินิจฉัย กินยาอย่างต่อเนื่องจนกดปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายได้สำเร็จ นำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างปกติ ลดเจ็บป่วย และลดเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อฉวยโอกาส
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการยุติปัญหาเอดส์ ประเทศไทย พ.ศ. 2566 – 2569 พร้อมแต่งตั้งประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนงานเอดส์จากทุกภาคส่วน เพื่อเร่งผลักดันให้การยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทยสำเร็จภายในปี 2573