สปสช. หนุน Sandbox Model กทม. เร่งเพิ่มหน่วยบริการปฐมภูมิ หลังพบไม่เพียงพอรองรับประชากรแฝง จัดทำ Gateway กลางเชื่อมข้อมูลสุขภาพจากแอปพลิเคชันสุขภาพต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ กทม.ตรวจเยี่ยม รพ.ราชพิพัฒน์ เขตบางแค กรณีนวัตกรรมการจัดบริการ UC New Normal และ Sandbox Model ของ กทม. ซึ่ง สปสช.จะหาวิธีสนับสนุนเพื่อให้ กทม. สามารถขับเคลื่อนโครงการได้ประสบความสำเร็จ เช่น ปัญหาประชาชนต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ใน กทม. แล้วไม่ย้ายสิทธิมาลงทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิใน กทม. ด้วย สปสช. จะรับดูแลในเรื่องการเพิ่มจำนวนหน่วยบริการให้เพียงพอมากขึ้น เนื่องจากตามหลักเกณฑ์ของหน่วยบริการปฐมภูมิ จะมีสัดส่วนประชากรต่อหน่วยบริการอยู่ที่ 1 : 10,000
ปัจจุบันใน กทม. มีคลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข และ รพ.ที่รับดูแลด้านปฐมภูมิรวมประมาณ 300 แห่ง เท่ากับรองรับประชากรได้ประมาณ 3 ล้านคน แต่ตัวเลขประชากรที่อยู่ใน กทม. จริงๆมีมากกว่านั้น ดังนั้น ต้องมีการเพิ่มจำนวนหน่วยบริการปฐมภูมิให้มากขึ้น ขณะนี้เราอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติงานแล้วจะนำเข้าคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) เขต 13 ตอนนี้ สปสช. เปิดรับหน่วยบริการเพิ่ม ทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมที่เปิดเป็นบางช่วงเวลา คลินิกพยาบาล คลินิกกายภายบำบัด และร้านยา ทั้งหมดนี้ประชาชนเลือกลงทะเบียนได้หมด โดยข้อมูลจะเชื่อมไปที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. ในฐานะ Area Manager
ขณะเดียวกัน สปสช. ก็จะจัดทำกลไกการเงินการคลังมาสนับสนุนการจัดบริการสุขภาพต่างๆ ที่ทำใน Sandbox ไม่ว่าจะเป็น Mobile Unit เทเลเมดิซีน หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ ร้านยา คลินิกพยาบาล ตู้คีออส เจาะแลปที่บ้าน ฯลฯ ทั้งหมดนี้ สปสช.จะสนับสนุนงบประมาณลงไปเพื่อให้การดำเนินงานสำเร็จ เช่นเดียวกับเรื่องแอปพลิเคชันด้านสุขภาพที่มีหลากหลายเต็มไปหมด สปสช.จะประกาศมาตรฐานกลางข้อมูลในวันที่ 1 เม.ย. 2566 นี้ โดยมี Gateway ที่ให้แอปฯต่างๆ เข้ามาเชื่อมต่อแล้วแปลงข้อมูลเข้าสู่ระบบบริการ ทำให้แม้แต่ละหน่วยบริการมีแอปฯ ของตัวเอง แต่ก็จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบได้ทั้งหมด รวมทั้งปัญหาการส่งต่อผู้ป่วย สปสช. จะเปลี่ยน Call center เป็นศูนย์ส่งต่อให้ หากหน่วยบริการของ กทม. หาเตียงไม่ได้ สามารถโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 แล้ว สปสช.จะประสานหาโรงพยาบาลรับส่งต่อให้ เป็นต้น