xs
xsm
sm
md
lg

วิจัย 4 จว.พบกิน "โซเดียม" มากเกินเกณฑ์ "พะเยา" สูงสุด 4 พันมก./วัน ลุยลด 30% ลดตาย NCDs

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.เผยผลวิจัย 4 จังหวัด พบกินโซเดียมสูง 3.2 พัน มก. เกิน WHO กำหนด "พะเยา" สูงสุด กินงันละ 4 พัน มก. เดินหน้าลดบริโภคเกลือโซเดียม 30% ลดตายก่อนวัยอันควรจากโรค NCDs

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ประธานคณะกรรมการ MIU กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับ ปริมาณการบริโภคโซเดียมของประชากรไทย จากการประเมินปริมาณโซเดียมในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง โดยศึกษาแบบภาคตัดขวาง เพื่อประมาณค่าเฉลี่ยการบริโภคโซเดียมต่อวันของกลุ่มตัวอย่างอายุ 20-69 ปี ใน 4 จังหวัด คือ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และพะเยา รวม 1,440 ราย ระหว่างวันที่ 7 ก.พ. -20 พ.ค. 2564 พบว่า ค่าเฉลี่ยการบริโภคโซเดียม/วัน รวม 4 จังหวัด เท่ากับ 3,236.8 มก. สูงกว่าองค์การอนามัยโลกกำหนด คือ 2,000 มก. โดยพะเยามีค่าเฉลี่ยการบริโภคโซเดียม/วันสูงถึง 4,054.8 มก. อำนาจเจริญ 3,773.9 มก. อุบลราชธานี 3,131.3 มก. ศรีสะเกษ 2,906.5 มก. ส่วนผลตรวจโซเดียมในปัสสาวะกลุ่มตัวอย่าง พบว่า พะเยา มีสัดส่วนการบริโภคโซเดียมมากกว่า 2,000 มก./วัน มากที่สุด รองลงมาคือ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ตามลำดับ

"ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการบริโภคโซเดียมในปริมาณที่สูง คือ ระดับดัชนีมวลกายมาก อายุน้อย ระดับการศึกษามัธยมมากกว่าประถม และระดับรายได้เกินหมื่นบาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม การดำรงชีวิต วัฒนธรรมการบริโภคและอาหารประจำถิ่น อีกด้วย" นพ.รุ่งเรืองกล่าว

นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า การลดบริโภคเกลือโซเดียมเพื่อลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้หลายมาตรการร่วมกัน ได้แก่ ลดปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารที่มีปริมาณสูง, ให้ความรู้และความตระหนักกับประชาชน, จัดการด้านอาหารสุขภาพในชุมชนหรือองค์กรต่างๆ, ใช้ฉลากอาหารแสดงปริมาณโซเดียมเพื่อสร้างการรับรู้และการตัดสินใจเลือกรับประทาน, ใช้มาตรการภาษีในกลุ่มอาหารเสี่ยงสูง, เฝ้าระวังและติดตามการดำเนินมาตรการต่างๆ ทั้งในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน รวมทั้งส่งเสริมการรับประทานผักและผลไม้เพื่อเพิ่มโพแทสเซียมควบคู่ไปกับการลดการบริโภคโซเดียม เพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจและหลอดเลือด

“การศึกษานี้ ได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในระดับประเทศและพื้นที่ ให้มีการสำรวจปริมาณการบริโภคโซเดียม เพื่อนำมากำหนดกลวิธีและกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น การสร้างความตระหนักถึงผลกระทบ ส่งเสริมอาหารลดโซเดียมเพื่อสุขภาพ และการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นองค์กรลดการบริโภคโซเดียม รวมทั้งศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการบริโภคโซเดียม เพื่อหามาตรการและกลวิธีที่มีประสิทธิภาพเฉพาะปัญหาและพื้นที่นั้นๆ” นพ.รุ่งเรืองกล่าวและว่า สธ.จะเดินหน้าลดบริโภคเกลือโซเดียมในประชากรลง ร้อยละ 30 ให้สำเร็จภายในปี 2568 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก เพื่อลดการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)


กำลังโหลดความคิดเห็น