เมื่อผิวเริ่มหย่อนคล้อย ริ้วรอยถามหา เชื่อว่าสายบิวตี้หลายคนคงนึกถึงและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นพลังงานเพื่อยกกระชับใบหน้ากันดีอยู่แล้ว แต่วันนี้เราจะมาแนะนำอีกหนึ่งนวัตกรรมล่าสุดที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในวงการแพทย์ผิวหนัง และถูกขนานนามว่าเป็น Game Changer ของวงการยกกระชับใบหน้า นั่นก็คือเครื่อง “Emface” ที่ใช้นวัตกรรมกระตุ้นกล้ามเนื้อเพื่อผลลัพธ์ผิวยกกระชับได้เป็นครั้งแรกของโลก! ซึ่งบอกเลยว่า น่าสนใจและต้องกลายเป็นเทรนด์ใหม่ต่อจากนี้แน่นอน
คืนผิวอ่อนกว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยีสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าครั้งแรกของโลก
Emface คือ นวัตกรรมยกกระชับใบหน้าที่ใช้เทคนิคส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูงลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อได้เป็นครั้งแรกของโลก เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานและเพิ่มความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อให้เฟิร์มขึ้น ทำให้เกิดการยกกระชับจากภายในสู่ภายนอก ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือทำลายเซลล์ผิว ซึ่งแตกต่างจากกลไกของเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นพลังงานอื่นๆ ในตลาดปัจจุบัน จุดนี้ทำให้ Emface กลายเป็นนวัตกรรมทางเลือกใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอย ให้ผลลัพธ์ผิวดูอ่อนเยาว์ตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งเข็มหรือการผ่าตัด และการพักฟื้นใดๆ
หน้าอ่อนกว่าวัย แบบไม่เจ็บตัว
หากต้องการยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าเพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่างๆ เดิมทีต้องอาศัยการศัลยกรรมดึงหน้า แต่ปัจจุบัน Emface สามารถให้ผลลัพธ์ดังกล่าวได้โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอหรือแม้แต่ยาชา ช่วยรักษาผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเฟิร์มยกกระชับ ร่องริ้วรอยดูตื้นขึ้น ครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้าตั้งแต่บริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม ไปจนถึงหางตาและคิ้ว รวมถึงกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น ช่วยคืนความยืดหยุ่นให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ
Emface ใช้เวลารักษาเพียงครั้งละ 20 นาทีเท่านั้น และเมื่อทำเสร็จแล้วสามารถใช้ชีวิตต่อได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด โดยจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายใน 1-3 เดือน หลังทำการรักษาครบ 4 ครั้ง (เว้นระยะห่างครั้งละ 1 สัปดาห์)2
เจาะลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ขุมทรัพย์ความงามที่ยังไม่มีใครรู้
คอนเซ็ปต์ของ Emface ถูกพัฒนาต่อยอดจากความสำเร็จของเครื่อง Emsculpt NEO ที่ใช้เทคโนโลยี HIFEM® (High Intensity Focused Electromagnetic) และ Synchronized RF ในการสร้างมวลกล้ามเนื้อและสลายไขมันในร่างกาย ซึ่งทีมพัฒนาของบริษัท BTL Aesthetics (บีทีแอล เอสเธติกส์) ได้นำเทคนิคดังกล่าวมาพัฒนาใช้กับใบหน้าเป็นครั้งแรก โดยการผสานเทคโนโลยี HIFES™ (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) และ Synchronized RF เข้าไปกระตุ้นชั้นผิว ผ่านแอปพลิเคเตอร์ที่วางบนหน้าผากและแก้มทั้งสองข้าง
โดยพลังงาน HIFES จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนที่ช่วยในการดึงและยกหน้าขึ้นให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ผิวและใบหน้าเกิดการยกกระชับตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อ ในขณะเดียวกัน พลังงาน RF จะทำหน้าที่เผาผลาญไขมันพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในทุกชั้นผิว ส่งผลให้ริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยดูตึงกระชับ
ทรีตเมนต์นี้เหมาะกับใคร
แน่นอนว่า Emface เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อย ต้องการลดริ้วรอยและยกกระชับใบหน้าให้เฟิร์มขึ้น ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บ ไม่อยากผ่าตัด ใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น ทรีตเมนต์นี้คือคำตอบ
นอกจากนี้ Emface ยังตอบโจทยสำหรับผู้ที่เริ่มไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีในปัจจุบัน เช่น เจอภาวะดื้อโบ เพราะ Emface มีกลไกการทำงานที่ต่างกัน2 (กระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนที่ทำหน้าที่ยกกระชับใบหน้า VS ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย) จึงสามารถรักษาควบคู่กันได้เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดีขึ้นได้ รวมถึงใครที่เคยรักษาด้วยทรีตเมนต์อื่นๆ แล้วรู้สึกไม่เห็นผลเท่าที่ควร Emface ก็เป็นอีกทางเลือกใหม่ที่สามารถแก้ pain point ข้อนี้ได้
Game Changer ของวงการความงาม
หากจะสรุปว่าทำไม Emface ถึงกลายเป็นนวัตกรรมปฏิวัติวงการและเตรียมขึ้นแท่นทรีตเมนต์ยอดนิยมต่อจากนี้ คงเป็นเพราะ Emface สามารถดูแลและจัดการปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ครบจบในเครื่องเดียว ทั้งการยกกระชับ ลดริ้วรอย และลดอายุผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย2 โดยไม่ต้องเจ็บตัว จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่สะดวกและปลอดภัยต่อคนไข้ ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) พร้อมการันตีด้วยรีวิวสุดประทับใจจากบิวตี้กูรูต่างชาติอีกมายมาย
และข่าวดีสำหรับสาวกบิวตี้ชาวไทย เพราะเครื่อง Emface ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว! ใครที่สนใจสามารถติดต่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่โรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ เพื่อเข้ารับบริการเป็นกลุ่มแรกได้แล้ววันนี้ ตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลได้ที่ https://btlaesthetics.com/en/clinics-near-me