"อนุทิน" ยันไทยพร้อมรับมือ "ไข้หวัดนก" เต็มที่ มีศูนย์อีโอซีระดับกรมติดตามสถานการณ์เฝ้าระวัง กรมควบคุมโรคเตรียมหารือวันที่ 2 มี.ค. ส่วน "โควิด" สถานการณ์ดีขึ้น ห่วงสงกรานต์อาจติดเชื้อเพิ่ม แนะ 608 ฉีดวัคซีน เผยวัคซีนไฟเซอร์ 2 สายพันธุกระจายทั่วประเทศแล้ว รวมถึง รพ.เอกชน
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการรับมือโรคไข้หวัดนก (H5N1) หลังมีผู้เสียชีวิตที่กัมพูชา 1 ราย ว่า ในการเฝ้าระวังไข้หวัดนกนั้น ปลัด สธ.และกรมควบคุมโรคดำเนินการอย่างเต็มที่ จริงๆ เรามีศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (อีโอซี) ภายในกรมควบคุมโรค แต่ยังไม่ถึงขั้นสมัยโควิด 19 หรือสมัยที่เคยมีโรคไข้หวัดนกครั้งแรกในไทย ที่ต้องประชุมอีโอซีทุกเช้า เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ความพร้อมของทรัพยากร ประสบการณ์และความรู้ของเราที่มีมาในอดีต อะไรที่ควรจะเน้นเราก็มาประมวลกัน สามารถใช้ป้องกันโรคได้เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ภาพรวมโควิด 19 ขณะนี้ดีขึ้น ทั้งผู้ป่วยใหม่ ผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก ในที่ประชุมผู้บริหาร สธ. เห็นว่าสิ่งที่เป็นห่วงคือ ช่วงสงกรานต์ที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนาไปพบญาติผู้ใหญ่ จึงฝากเตือนประชาชนกลุ่ม 608 โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย ที่ยังพบว่า 60-70% ของผู้เสียชีวิตจากโควิดยังสูง เพราะรับวัคซีนป้องกันโควิดเพียง 2 เข็มหรือไม่ได้เลย ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้กระจายวัคซีนและภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ไปในพื้นที่แล้ว จึงขอเชิญชวนให้ผู้สูงอายุมารับวัคซีน เชิญชวนสถานประกอบการดูแลสูงวัย เข้าร่วมรณรงค์การฉีด LAAB ด้วย ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ชนิด 2 สายพันธุ์ (Bivalent) สัปดาห์นี้กระจายไปทุกจังหวัดรวมถึง กทม.และ รพ.เอกชน แล้วสามารถใช้ในลักษณะเข็มกระตุ้นได้ ซึ่งมีประสิทธิภาพต่างจากรุ่นเดิมเล็กน้อย จึงสามาเลือกรับได้ทั้งสองแบบ
นพ.ธเรศ กล่าวว่า วันที่ 2 มี.ค. จะมีการประชุมหารือถึงโรคไข้หวัดนกด้วย หลังจากที่กรมควบคุมโรคได้รับรายงาน เราก็เฝ้าระวังร่วมกับกรมอุทยานฯ เฝ้าระวังร่วมกับจังหวัดชายแดนไทยกัมพูชา ให้มีการตรวจตราผู้เดินทาง และร่วมกับกรมปศุสัตว์ดูแลการนำเข้าสัตว์จากชายแดน ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้ อสม.ติดตามสัตว์ป่วยในพื้นที่โดยเฉพาะสัตว์ปีก