กรมวิทย์เตรียมพร้อมแล็บตรวจไวรัสมาร์บวร์ก หากพบผู้ป่วยอาการสงสัย ใช้วิธีมาตรฐาน RT PCR รู้ผลใน 8 ชม. ทำในแล็บ BSL 3 ปลอดภัย เชื้อไม่เล็ดลอด กระบวนการตรวจใกล้เคียงกับอีโบลา ย้ำอย่าตระหนก เชื้อไม่ติดต่อง่าย ต้องสัมผัสใกล้ชิดมาก ไม่ติดต่อทางอากาศ
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการตรวจหาเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก ว่า โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์กมีอาการรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูงใกล้เคียงกับโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังการระบาดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด กรมฯ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การระบาดโรคติดต่อร้ายแรงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาใน ต.ค. 2565 โดยเชื้อไวรัสมาร์บวร์กอยู่ในกลุ่มเดียวกับไวรัสอีโบลา มีลักษณะการก่อโรคที่คล้ายกัน การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจึงมีความใกล้เคียงกัน โดยจะใช้การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อด้วยเทคนิคทางอณูชีววิทยา ที่มีความไวและความจำเพาะสูง (RT PCR) สามารถทราบผลภายใน 8 ชั่วโมง หลังได้รับตัวอย่าง
การดำเนินงานกับตัวอย่างจะใช้ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 (BSL-3) สำหรับการปฏิบัติงานกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคที่มีอันตรายสูง มีระบบการไหลเวียนที่ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้ออันตรายแพร่กระจายออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก บุคลากรผ่านการฝึกอบรมความปลอดภัยทางชีวภาพ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนว่าจะไม่มีเชื้อโรคอันตรายเล็ดลอดสู่สิ่งแวดล้อม
นพ.ศุภกิจกล่าวว่า นอกจากนี้ กรมฯ ได้เตรียมวิธีการตรวจที่ประกอบด้วยน้ำยาที่จำเพาะที่เป็นมาตรฐานในการวินิจฉัย สำหรับตรวจสารพันธุกรรมไวรัสก่อโรคไข้เลือดออกรุนแรง มาร์บวร์ก รวมทั้ง อีโบลา ไข้ลาสซา ไว้ครบ ทั้งนี้ กรณีพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์กในสถานพยาบาล ให้เจ้าหน้าที่ประสานกองระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันและควบคุมโรค หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อสอบสวนโรคและวางแผนประสานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการรับตัวอย่างส่งตรวจ ซึ่งใช้เลือด (EDTA Whole Blood) ในการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสและน้ำเหลือง (Serum)
กรณีตรวจหาภูมิต่อเชื้อไวรัส โดยรายละเอียดและคำแนะนำวิธีปฏิบัติในจัดการสิ่งส่งตรวจ สามารถศึกษาได้จาก คู่มือการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา และไวรัสทางเดินหายใจตะวันออกกลางทางห้องปฏิบัติการ และคู่มือเครือข่ายห้องปฏิบัติการโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการ รพ. และบุคลากรสาธารณสุข ทั้งนี้ ขอประชาชนอย่าวิตกจนเกินไปเพราะการติดต่อไม่ง่ายต้องเป็นการสัมผัสใกล้ชิดอย่างมาก ไม่พบการติดต่อทางฝอยละอองหรือทางอากาศ และผู้มีอาการส่วนใหญ่มักเป็นผู้ป่วยหนัก ไม่สามารถออกมาแพร่เชื้อได้มากนัก