อย.ย้ำ "ยาคุมฉุกเฉิน" ใช้เมื่อมีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน หรือพลาดจากการคุมกำเนิดวิธีอื่น อาจพบอาการข้างเคัยงได้ ป้องกันท้องได้น้อยกว่ากินยาคุมแบบรายเดือน ย้ำไม่ใช่ยาทำแท้ง ไม่สามารถป้องกันโรคเพศสัมพันธ์ได้
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า วันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก คู่รักหลายคู่อาจมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน แล้วมาใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ การคุมกำเนิดมีหลากหลาย และมีข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การทำหมัน การใส่ห่วงอนามัย และการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด มีทั้งที่ต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำแบบรายเดือนและยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาที่มีข้อบ่งใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นเท่านั้น
"ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยวมีส่วนประกอบของโปรเจสโตเจนปริมาณสูง มี 2 ขนาด คือ 0.75 มิลลิกรัม/เม็ด และ 1.5 มิลลิกรัม/เม็ด สามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ 1.กินยาขนาด 0.75 มิลลิกรัม ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และกินเม็ดที่ 2 ภายใน 12 ชั่วโมงต่อมา และ 2.กินยาขนาด 1.5 มิลลิกรัม ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยทั้ง 2 แบบให้ผลไม่ต่างกัน" นพ.วิทิตกล่าว
นพ.วิทิตกล่าวว่า การใช้ยาคุมฉุกเฉินอาจพบอาการข้างเคียงได้ ส่วนใหญ่มีความรุนแรงน้อย เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดท้องน้อย และความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมายาวนานขึ้น แต่หากพบอาการผิดปกติ หรือสงสัยภาวะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์ ทั้งนี้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกหนึ่งในการคุมกำเนิดที่ใช้สำหรับกรณีจำเป็น โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบรายเดือน อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้