ปลัด สธ.เผยจัดส่งอุปกรณ์ให้ รพ.ดำเนินสะดวกแล้ว หลังไฟไหม้ห้องฉุกเฉินวอด รองรับผู้ป่วยตามปกติ ปรับพื้นที่วอร์ดอายุรกรรมชายเป็นอีอาร์ชั่วคราว กำชับทีมสุขภาพจิตดูแล
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีไฟไหม้ห้งอุบัติเหตุฉุกเฉิน รพ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ว่า ตนได้ลงพื้นที่ไปติดตามเรื่องนี้ ได้รับรายงานอุปกรณ์เกิดความเสียหาย เช่น เครื่องอัลตราซาวนด์ เครื่องปั๊มหัวใจอัตโนมัติ (Auto CPR) คาดว่า สาเหตุเกิดจากตัวอุปกรณ์ ส่วนโครงสร้างอาคารไม่ได้รับผลกระทบ รพ.ในเขตสุขภาพที่ 5 ได้จัดส่งเครื่องมืออุปกรณ์มาช่วยเหลือทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ตามปกติ ขณะนี้ปรับพื้นที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชายเป็นจุดให้บริการห้องฉุกเฉินชั่วคราว ไม่กระทบบริการประชาชน ส่วนยาและเวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ วัสดุการแพทย์ต่างๆ ยังมีเพียงพอให้บริการ ทั้งนี้ ได้กำชับทีมสุขภาพจิตดูแลและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมเน้นซ้อมแผนเผชิญเหตุ จัดทำคู่มือเพื่อป้องกันการเกิดเหตุในอนาคต
นพ.โอภาสกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้ติดตาม รพ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พบว่ามีแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ได้วางแผนการพัฒนาระบบบริการต่อเนื่อง 5 ปี โดยปี 2566 จะให้บริการผ่าตัดส่องกล้อง ขยายหอผู้ป่วยจิตเวช เพิ่มเตียงผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ทำการผ่าตัดด้านสมอง และจัดคลินิกผู้สูงอายุคุณภาพ ปี 2567 เปิดศูนย์ผ่าตัดเส้นเลือด ศูนย์ทารกแรกเกิดวิกฤต ปี 2568 จัดสร้างอาคารสนับสนุนบริการและหอพักบุคลากร ปี 2569 ให้บริการห้องไอซียูสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผ่าตัดสมอง และในปี 2570 จะขยายอาคารผู้ป่วยในและห้องผ่าตัด และเป็นศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง
สำหรับการให้บริการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ได้ปรับอาคารหอผู้ป่วยอนุสรณ์ 45 ปี บริเวณชั้น 2 เป็นหอผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด รับส่งต่อไปยัง รพ.ราชบุรี และสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เปิดบริการตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยจำนวน 5 ราย พร้อมทั้งได้ส่งบุคลากรและเจ้าหน้าที่เข้ารับการอบรมต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายบริการต่อไป
“จากที่ได้รับทราบข้อมูล ทำให้เห็นถึงความตั้งใจและการปฏิบัติงานที่มุ่งมั่นของเขตสุขภาพที่ 5 ทั้งผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และความร่วมมือของคนในชุมชนที่เข้มแข็ง ทำให้มีศักยภาพในการให้บริการประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอย้ำเรื่องการเชื่อมโยงการทำงานเชิงรุก เน้นการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ให้เข้าถึงบริการที่สะดวก ลดความแออัด รวมทั้งต้องไม่ลืมดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้วย” นพ.โอภาส กล่าว