กรมควบคุมโรคเผย 1 เดือนเจอป่วย "อาหารเป็นพิษ" 6.1 พันราย ส่วนใหญ่พบในเด็ก 0-9 ปี เจอระบาด 19 เหตุการณ์ พบผู้ป่วยสูงสุด 348 รายในคราวเดียว คาดสัปดาห์นี้ยังเจอป่วยสูงต่อเนื่องเหมือนทุกปี ย้ำกินสุก ร้อน สะอาด
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. กรมควบคุมโรค เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ วันที่ 5 – 11 กุมภาพันธ์ 2566 โดยระบุว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 3 ก.พ. 2566 พบผู้ป่วย 6,185 ราย อัตราป่วย 9.35 ต่อประชากรแสนคน ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ 5-9 ปี (16%) 0-4 ปี (15%) 15-24 ปี (14%) ได้รับรายงานการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษ 19 เหตุการณ์ มีจำนวนผู้ป่วยตั้งแต่ 3-348 ราย พบในสถานศึกษา 11 เหตุการณ์ (58%) รองลงมา คือ เรือนจำ/ค่ายทหาร/ค่ายลูกเสือ 4 เหตุการณ์ (21%) อื่น ๆ 3 เหตุการณ์ (16%) และบ้านพัก 1 เหตุการณ์ (5%)
สัปดาห์นี้คาดว่าพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษยังคงสูงต่อเนื่อง เนื่องจากมักพบจำนวนผู้ป่วยสูงในช่วงต้นปี ม.ค.-มี.ค. โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกันเกือบทุกปี ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ และอาจมีไข้ได้ ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ผ่านทางอุจจาระและอาเจียน ส่วนใหญ่มักเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในกลุ่มคนที่มีการรับประทานอาหารและน้ำร่วมกัน การช่วยเหลือเบื้องต้นควรให้จิบสารละลายเกลือแร่ โอ อาร์ เอส บ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
ขอแนะนำว่า ควรเลือกซื้ออาหารที่สด สะอาด รูป รส กลิ่น สี ไม่ผิดปกติ และล้างทำความสะอาดก่อนนำมาปรุงประกอบด้วยความร้อนให้สุกอย่างทั่วถึง ที่สำคัญขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ อาหารที่ปรุงไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง เลือกบริโภคอาหาร น้ำที่สะอาดมีเครื่องหมาย อย. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุง และรับประทาน หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรก หากอาหารมีรูป รส กลิ่น สี เปลี่ยนไป ไม่ควรนำมารับประทานต่อ ผู้ประกอบอาหารยึดหลักสุขอนามัยของผู้ปรุงและสุขาภิบาลอาหาร