"สาธิต" จี้นักบริหาร สธ.ใช้ "ดิจิทัล" พัฒนาระบบบริการสุขภาพ ปี 66 ขยายผลครบทั้ง 12 เขตสุขภาพ เพิ่มสะดวก รวดเร็ว ลดแออัด ต้องไม่มีเรียกเงินรับตำแหน่ง ก้าวหน้ารต้องเน้นเนื้องาน ไม่ใช่ตามนาย บริหารงานโปร่งใส เผยแก้ปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานคืบหน้า
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชัน โฮเทล นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดประชุมวิชาการสมาคมนักบริหารสาธารณสุข ปี 2566 “Health Tech for Smart Living นวัตกรรมการแพทย์และสุขภาพเพื่อชีวิตดีดี” ว่า สธ.ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาเพิ่มการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ ลดความเหลื่อมล้ำและเวลารอคอย โดยนักบริหารการสาธารณสุขจะเป็นผู้ผลักดันให้เกิดประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการประชาชน มีประเด็นขับเคลื่อนสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.กระจายอำนาจให้เขตสุขภาพคล่องตัว ปีที่ผ่านนำร่องใน 4 เขตสุขภาพ ประสบความสำเร็จอย่างดี ปีนี้จึงขยายผลให้ครบ 12 เขตสุขภาพ 2.ประสานความร่วมมือกับภาคส่วนอื่น ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล ลดความซ้ำซ้อน ด้านเทคโนโลยีเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล และด้านลงทุน เช่น ร่วมทุนในรูปแบบ PPP เป็นต้น
และ 3.ระบบดิจิทัลสุขภาพ โดยจัดทำกรอบพัฒนาใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1) พัฒนา AI และ IoMT ในการดูแลสุขภาพประชาชน 2) พัฒนาระบบฐานข้อมูล Big Data เพื่อประมวลผล วิเคราะห์ ทำนายพยากรณ์โรค 3) ประยุกต์ใช้ระบบ Cloud เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานไร้รอยต่อ รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ 4) Digital Health Platform ใช้ระบบ Telemedicine ดูแลรักษาผู้ป่วย ใช้แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพ และ 5) พัฒนาข้อมูลเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นและมีความปลอดภัย
นายสาธิต กล่าวว่า ปีใหม่นี้มีความท้าทายเป็นพิเศษ คือ ต้องเท่าทันทุกสถานการณ์ เป้าหมายต้องชัดเจน คือ เพื่อบริการประชาชน ทำให้องค์กรมีความสุข ต้องให้ความสำคัญแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันไม่ว่าจะเรี่องอะไรในองค์กร อย่างตำแหน่งก็ต้องโปร่งใส ตอนนี้ประเทศกำลังมีปัญหาความเชื่อมั่นตรงนี้ ผู้ที่จะแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันได้ คือ พวกเราทุกคน โดยประชาชนต้องเลือกตั้งคนที่ปราศจากผลประโยชน์ ใครนโยบายดีทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติก็เลือกเข้ามา เรื่องนี้ตนได้เรียนนายกฯ ซึ่งท่านให้ความสำคัญ แต่ต้องมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องด้วย
“ขณะนี้ประเทศกำลังเรียกร้องความซื่อสัตย์สุจริต และหลักการธรรมาภิบาล ต้องไม่มีปัญหาเรื่องเรียกรับเงินเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง ซึ่งดีใจที่ สธ.ไม่มีเรื่องนี้ เราต้องทำให้ระบบสาธารณสุขได้รับความเชื่อมั่นตรงนี้” นายสาธิต กล่าวและว่า ต้องมีการปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรว่า คนที่จะก้าวหน้าต้องเน้นเนื้องาน ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่ว่า ใครดูแลเอาใจนายแล้วได้ตำแหน่ง
นายสาธิต กล่าวว่า การบริหารจัดการที่โปร่งใส ยังมีเรื่องกรณีผู้รับเหมาทิ้งงาน ซึ่งตอนที่ตนเข้ารับตำแหน่งแรกๆ มีถึง 3,000-5,000 ราย ต้องบอกยกเลิกสัญญา ขณะนั้นมองว่าควรขึ้นแบล็กลิสต์กลุ่มบริษัทรับเหมาทิ้งงานเหล่านี้ แต่ด้วยกฎหมายทำไม่ได้ จึงออกเป็นนโยบายว่า หาก ผอ.รพ.ไหนยังทำสัญญากับบริษัททิ้งงานให้มีการประเมินการทำงานของ ผอ.รพ.นั้น ซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้า ต่อตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็ไม่พบ ผอ.รายใดขัดนโยบาย
“จริงๆ เรื่องปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานมีความคืบหน้าแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง บางส่วนที่ทิ้งงานได้ผู้รับเหมามาแล้ว และตรวจสอบย้อนหลังบริษัทที่ทิ้งงานก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในชิ้นงานใหม่ของ สธ. แต่ก็จะตรวจสอบต่อไปว่า มีบริษัททิ้งงานรายใดที่ยังทำสัญญากับ รพ. หรือไม่ เพราะกฎหมายห้ามไม่ได้ แต่เชิงนโยบายเราจะทำให้ดีที่สุด” นายสาธิต กล่าว
