กรมแผนไทยฯ เร่งเพิ่มงานวิจัย ผลักดันผลิตภัณฑ์กัญชาให้หลากหลาย หลังเตรียมประกาศเป็น Herbal Champion ย้ำเอากลับไปเป็นยาเสพติดยากพัฒนาต่อ ไม่หวั่นหากร่าง กม.ยังไม่ผ่าน ใช้ประกาศที่มีอยู่ควบคุมหรือออกประกาศเพิ่ม เผยลงนามแล้วให้คนซื้อช่อดอกกัญชาต้องแสดงบัตรประชาชน ร้านค้าไม่ส่งรายงานจ่อยึดใบอนุญาต
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีสมุนไพรกัญชา กัญชง อยู่ในลิสต์สมุนไพร Herbal Champion 15 รายการ ว่า เราแบ่งสมุนไพร Herbal Champion เป็น 2 กลุ่ม คือ 1. สมุนไพรที่มีความพร้อมตามห่วงโซ่การพัฒนาสมุนไพรมี 3 รายการ และ 2.สมุนไพรที่มีศักยภาพที่จะผลักดันต่อ 12 รายการ ซึ่งกัญชา กัญชง กระท่อม อยู่ในกลุ่มนี้ โดยส่วนตัวมองว่า กัญชายังมีประเด็นปลายน้ำที่มีผลิตภัณฑ์ออกมาเยอะ แต่ยังไม่หลากหลาย คือ ใช้เหมือนกันหมดเลย การเคลมก็เคลมอ้าง จึงยังต้องการงานวิจัยพอสมควร แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ส่วนทางการแพทย์ยังคงที่ 5 โรค ส่วนใหญ่ยังเป็นการใช้น้ำมันหยดกรมฯ จึงจะทำปลายน้ำให้ชัดขึ้นในเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ตอนนี้พยายามทำซอฟต์เจล แผ่นแปะ และอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนั้น จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีการใช้ครอบคลุมมากขึ้น แต่ละการรักษายังต้องการข้อมูลทางวิชาการ ยังไม่เข้าสู่การผลิตภัณฑ์ยาที่มีข้อบ่งชี้ในการใช้
เมื่อถามว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชา ยังไม่ออกมาจะเป็นอุปสรรคกับการพัฒนาหรือไม่ นพ.ธงชัย กล่าวว่า ไม่ ถ้าเอากลับไปเป็นยาเสพติดจะเป็นอุปสรรคและเป็นปัญหามาก คนที่บอกว่าเป็นยาเสพติดก็ยังทำได้ไม่เป็นปัญหา ขอยืนยันว่าทำไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าทำไม่ได้ ยากมาก เพราะหากทำได้เราทำมาตั้งนานแล้ว ปัจจุบันเชื่อว่าประเทศไทยจะมีการพัฒนามากขึ้น เพียงแต่วันนี้กัญชายังต้องการการยอมรับด้วยส่วนหนึ่ง หากคนยอมรับมากขึ้น ก็จะมีคนพัฒนามากขึ้น
เมื่อถามว่ามีผู้วิเคราะห์ว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ส่อแววแท้ง การผลักดันใหม่ต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 2 ปี อาจมีความพยายามให้กลับไปเป็นยาเสพติด จะสร้างสมดุลอย่างไรทั้งการควบคุมและไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา นพ.ธงชัย กล่าวว่า ก็ใช้ประกาศที่มีอยู่ ตอนนี้น่าจะใช้ได้อยู่ระดับหนึ่ง หากมีประเด็นที่มองว่าอาจจะส่งผล ก็แก้ได้ไม่ยาก แค่ประชุมคณะกรรมการด้านกฎหมาย ให้เห็นพ้องกับคณะกรรมการวิชาการ จากนั้นเสนอ รมว.สาธารณสุขลงนามประกาศ โดยไม่ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรเลย เพียงแต่มีข้อจำกัดว่าบังคับได้เฉพาะผู้จำหน่ายจ่อช่อดอกกัญชา บังคับประชาชนทั่วไปไม่ได้ วันนี้หากเราบังคับแล้ว ทุกคนเข้าแถวหมด ไม่มีใครเลยที่ไม่ขออนุญาตจำหน่าย ซึ่งต้องส่งข้อมูลการได้มา เก็บที่ไหน ส่งให้ใคร หากข้อมูลอยู่ในมือเราทั้งหมดจะรู้มูลค่า และความเชื่อมโยงการใช้กัญชา นำสู่การบังคับใช้กฎหมาย เจาะข้อมูลเอาผิดตามกฎหมายได้ตรง โดยไม่ต้องไปไล่จับ เพียงแต่วันนี้เราพยายามทำให้คนเข้าแถวให้ได้ ซึ่งจะมีงานหนักอยู่ 2-3 เดือนนี้ โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมรับว่าไม่ง่ายเหมือนมีกฎหมายเฉพาะ
เมื่อถามว่ามีแผนสำรองหรือไม่ หากสุดท้ายแล้ว กฎหมายออกมาไม่ได้จริงๆ จะมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายโดยตรงเลย นพ.ธงชัย กล่าวว่า ขอทำเช่นนี้ก่อน เพราะมีข้อดี ข้อเสียทั้ง 2 แบบ ขอดูเรื่องการร่วมมือกันก่อนว่าน่าจะทำให้สะดวกขึ้น เพื่อลดปัญหา ถ้าทำได้ หรือนานจริงๆ และจำเป็นก็ว่ากันอีกที ซึ่งทางตำรวจเองก็สอบถามเรื่องนี้มาเหมือนกัน ยังไม่มีความเชี่ยวชาญว่าอันไหนคือช่อดอก หรือไม่อย่างไร ยังต้องเรียนรู้ร่วมกัน
"เมื่อต้นเดือนม.ค. ได้ลงนามในประกาศกำหนดให้ผู้ซื้อช่อดอกกัญชาต้องแสดงบัตรประชาชน อยู่ระหว่างรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็จะมีผลบังคับใช้ จากนั้นจะมีการสื่อสารทำความเข้าใจ และส่งรายงานการซื้อ ขาย กัญชามาให้กรม พร้อมจ้างบริษัทเขียนโปรแกรมลิงก์ข้อมูลการซื้อขาย เวลามีคนมาซื้อแค่เสียบบัตรประชาชนเข้าไปและกรอกข้อมูลว่าใครซื้อ จำนวนเท่าไร เป็นต้น ถ้าไม่ส่งรายงานก็จะเอาใบอนุญาตคืน ระหว่างนี้พยายามให้คนเข้าแถวให้หมด ขณะนี้มีการขออนุญาตมากกว่า 7 พันรายแล้ว" นพ.ธงชัยกล่าว