xs
xsm
sm
md
lg

เปิด 10 ของเล่นอันตราย เตือนพ่อแม่ระวังซื้อเป็นของขวัญให้ลูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถาบันพัฒนาเด็ก เปิด 10 ของเล่นอันตราย เตือนพ่อแม่ระวังซื้อเป็นของขวัญให้ลูก พบเป็นปัจจัยเสี่ยงก่ออุบัติเหตุ ทำให้บาดเจ็บ มีปัญหาสุขภาพ

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวเรื่อง 10 ของเล่นอันตรายที่พ่อแม่ต้องระวังในการซื้อเป็นของขวัญให้กับเด็ก ว่า ปัญหาความปลอดภัยในเด็กมี 5 เรื่องใหญ่ คือ 1. อุบัติเหตุ เช่น จมน้ำ จราจรทางถนน ความร้อน 2.ความรุนแรง การทำร้ายเด็ก 3.มลพิษ 4.ภัยพิบัติ และ 5.ภัยจากข้าวของเครื่องใช้ ผลิตภัณฑ์ โดย “ของเล่น” เรามีทำวิจัยไปหลายชนิด ตั้งแต่ทางด้านกายภาพ ด้านเคมี โดยการทดสอบว่ามีอันตราย เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือไม่

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา หลายประเทศในยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น มีระบบการบันทึกการบาดเจ็บจากผลิตภัณฑ์ แต่ไทยยังไม่มี ทำให้การแก้ไขถอดถอนผลิตภัณฑ์ออกจากตลาดหรือชี้และให้เจ้าของผลิตภัณฑ์นำไปแก้ไขในการผลิตจึงยังไม่เกิดขึ้น จากการใช้ข้อมูลสหรัฐฯ เมื่อ 22 พ.ย. 2565 พบอัตราการบาดเจ็บในเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี จากของเล่นถึง 404 คนต่อ 1 แสนคน เป็นของเล่นที่มีขายในไทยแทบทุกชิ้นโดยมี 10 ของเล่นที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเหตุของการก่อการบาดเจ็บ บางชนิดมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ได้แก่


1.ของเล่นประเภทลูกล้อใช้ในการขี่ (ride-on toy) มีสัดส่วนร้อยละ 30 ของการตายในเด็กที่เกิดจากของเล่น และต้องได้รับการรักษาในห้องฉุกเฉินของ รพ.อีก 71,500 รายต่อปี ร้อยละ 75 ของการตาย มีสาเหตุจากการเล่นในพื้นที่ถนนและถูกยานยนต์ชนิดต่างๆ ชน พลัดตกพื้นต่างระดับ ล้มคว่ำ ตกในแหล่งน้ำต่างๆ โดยร้อยละ 47 บาดเจ็บที่ศีรษะและใบหน้า เช่น รองเท้าสเก๊ต สกู๊ตเตอร์ ทั้งนี้ การเล่นต้องใส่อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยทุกครั้ง


2.ของเล่นชิ้นเล็ก อุดกั้นทางเดินหายใจ อันตรายต่อเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ปี เพราะเด็กอายุ 4 เดือนจะเริ่มเอามือทั้ง 2 ข้างมาจับกุมกันตรงกลางแล้วเอาเข้าปากดูดอม ของเล่นที่มีความกว้างน้อยกว่า 3.71 ซม.จึงไม่ควรให้เด็กเล่นหรือหยิบได้ถึง


3. ลูกโป่ง เสี่ยงอุดตันทางเดินหายใจ โดยเด็กเป่าลูกโป่งเอง จังหวะที่หายใจเข้า เกิดโอกาสที่ลูกโป่งจะถูกดูดเข้าไปในปากและลงไปในหลอดลม หรือเาลูกโป่งที่ยังไม่ได้เป่าเอามาอมไว้หรือเคี้ยวเล่น เมื่อวิ่ง ปีนป่าย หรือหัวเราะ อาจทำให้สำลักลูกโป่งที่อมไว้ จึงไม่ควรอนุญาตให้เด็กอายุน้อยกว่า 8 ปีเล่น


4.ของเล่นที่มีถ่านแบตเตอรี่กระดุมที่หลุดออกง่าย ทำให้เด็กเอาเข้าปากได้ง่าย หากมีแบตเตอรี่ขนาด 2.5 ขึ้นไปจะติดที่หลอดอาหารได้ง่าย ทำให้สารเคมีในถ่านรั่วซึมออกมาเป็นด่างกัดกร่อนหลอดอาหารทะลุได้


5.ของเล่นที่เป็นแม่เหล็กหลายชิ้นมากกว่า 1 ชิ้นขึ้นไปที่มีขนาดไม่ใหญ่ สามารถกลืนลงได้ง่าย หากกลืนมากกว่า 1 ชิ้น แม่เหล็กที่อยู่กันคนละตำแหน่งในลำไส้จะดูดกันทำให้หนีบผนังลำไส้ไว้แน่นจนขาดเลือด ทำให้ลำไส้ทะลุ หรือภาวะลำไส้บิดเกลียว


6.ของเล่นดูดน้ำพองตัว บางชนิดขยายได้ถึง 200 เท่า หากเด็กกลืนเข้าไป อาจเกิดภาวะลำไส้อุดตันได้ แต่หากสำลักเข้าหลอดลมจะอุดกั้นทางเดินหายใจ ขาดอากาศได้


7.ของเล่นชนิดปืน เช่น ปืนอัดลม ปืนลูกดอก ปืนเหรียญ ปืนลูกบอล เป็นต้น อาจเป็นอันตรายต่อตาได้จากแรงกระสุน ทำให้เลือดออกในช่องลูกตา บางรายอาจเกิดต้อกระจกตามมา หรือทะลุเข้าฝังในลูกตาหรือกล้ามเนื้อตา บางรายเกิดการแตกของลูกตาและต้องผ่าตัดควักลูกตาทิ้งไป


8.วัตถุระเบิด พลุ ดอกไม้ไฟ ไม่ใช่ของเล่น มักทำให้เกิดการบาดเจ็บที่มือ สูญเสียนิ้วมือ ตาบอด ใบหน้าทำให้เกิดแผลเป็น หรือไฟไหม้ทั้งตัวทำให้สูญเสียชีวิตได้ 


9.ของเล่นที่มีสารเคมีเป็นพิษ มี slime ที่ใช้กาวเป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจ ทาเลทที่ทำให้พลาสติกอ่อนนิ่มทำให้รบกวนต่อมไร้ท่อมีผลต่อฮอร์โมนร่างกาย สารตะกั่วในสีเคลือบสีพ่นมีผลต่อสมองและเม็ดเลือดแดง


และ 10.ของเล่นในน้ำอุปกรณ์ช่วยลอยตัวทั้งหลายที่มีคำเตือนว่าไม่ป้องกันการจมน้ำ เช่น ห่วงยางเป่าลมที่มักทำให้พ่อแม่เข้าใจผิดว่าสามารถปล่อยลูกตามลำพังในน้ำได้ เพราะเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น