xs
xsm
sm
md
lg

แนะวิธีออกกำลังกาย 4 กลุ่มวัย เพิ่มอบอุ่นรับลมหนาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมอนามัย แนะ 4 กลุ่มวัย "ออกกำลังกาย" ให้เหมาะสม เพิ่มความอบอุ่น สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายพร้อมรับลมหนาว

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวอาจป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบและปอดบวม นอกจากกินอาหารที่มีประโยชน์ สวมเสื้อผ้าให้อบอุ่น การออกกำลังกายก็สำคัญ จึงแนะนำให้ออกกำลังกายตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสร้างภูมิคุ้มกัน ดังนี้ 1.เด็กเล็กต่ำกว่า 6 ปี เน้นสนุกสนานให้เด็กใช้เวลาได้นาน ไม่เบื่อหน่าย เช่น วิ่งเก็บของ วิ่งเปี้ยว การละเล่นไทยต่างๆ หรือกายบริหารประกอบเพลง เป็นต้น เน้นสนุกมากกว่าการเอาชนะ

2.ช่วงอายุ 6-17 ปี เป็นช่วงเจริญเติบโตรวดเร็ว ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 60 นาที สะสมต่อเนื่อง 10 นาทีขึ้นไป ออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ เน้นแบบแอโรบิกเป็นหลัก เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน กระโดดตบ กระโดดเชือก ว่ายน้ำ บาสเกตบอล ฟุตบอล เป็นต้น ร่วมกับการเพิ่มความแข็งแรงและอดทนของกล้ามเนื้อ เช่น ซิตอัป ดันพื้น แพลงก์ สควอช เป็นต้น และเพิ่มความอ่อนตัว เช่น จิงโจ้ยืดตัว กายบริหาร ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ โยคะ เป็นต้น

3.วัยทำงาน ช่วงอายุ 18-59 ปี ควรออกกำลังกายหลากหลายเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน แบดมินตัน วัยนี้กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ และเส้นเอ็นต่างๆ เริ่มเสื่อมสภาพลง จึงควรออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที โดยเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ เป็นต้น

4.ช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป ความคิด การตัดสินใจช้าลง กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่อ การรับรู้ช้าลง มีภาวะสมองเสื่อม จึงควรออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น เดิน เต้นรำ บริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ให้แข็งแรง ควบคู่ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ 2 วันต่อสัปดาห์ ฝึกการทรงตัวสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที เช่น เต้นบาสโลบ ฟ้อนรำ รำวง รำไท่จี้ชี่กง จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพ ฝึกการทรงตัว ป้องกันการหกล้ม

"สิ่งสำคัญของทุกวัย คือ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น เพื่อให้สุขภาพดี พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารประเภทผักและผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูงเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากช่วงอากาศเย็นจะทำให้อาหารจับตัวเป็นไข จึงควรนำไปอุ่นให้ร้อน เพื่อเพิ่มรสชาติอาหาร และความอบอุ่นให้ร่างกาย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น